GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Metal Gear Solid"
ลือ! Metal Gear Solid 3 Remake กำลังถูกพัฒนาโดย Virtuos อยู่จริง!
ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานออกมาว่า Metal Gear Solid 3 กำลังถูกทำการ Remake โดยบริษัท Virtuos ในสิงคโปร์อยู่ แต่เนื่องจากยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการโดย Konami เลยไม่มีใครทราบว่ารายงานดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน แต่จาก LinkedIn ของสมาชิกผู้ก่อตั้ง Virtuos ล่าสุด ดูเหมือนเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเรื่องจริงพบโดยผู้ใช้งาน Twitter ชื่อ FaizShaikh7681 หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Virtuos ได้ใส่รายละเอียดใน Profile ของเขาว่า 'ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 - กลางปี 2019 เขาได้มีโอกาสช่วยพัฒนาเกม Action-Adventure Remake ระดับ AAA ที่จะลงให้กับทุกเครื่อง และสามารถเล่นได้ด้วยความละเอียด 4K' โดยเป็นไปได้ว่าเกมที่พูดถึงดังกล่าวอาจหมายถึง Metal Gear Solid 3 Remake แม้ว่าไม่มีอะไรสามารถยืนยันว่าโปรเจกต์ดังกล่าวคือ Metal Gear Solid 3 Remake จริงๆ หรือไม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียวที่จะเป็นเกมดังกล่าวจริง แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ก็หมายความว่าเรากำลังจะได้เห็นเกม Action-Adventure ระดับ AAA สักเกมหนึ่งที่เป็นฉบับ Remake ในอนาคตดันใกล้นี้ ต้องรอดูกันต่อไปSo Virtuos Studios Working on Remake According to this LinkedIn Profile, Probably Metal Gear Solid 3... Previously It's been reported by @AndyPlaytonic.- AAA Action Adventure Remake- Looks like Ground up Remake- 4k For Certain Platform@bogorad222 pic.twitter.com/HpAUk0PgkT— Faizan Shaikh (@FaizShaikh7681) October 10, 2021 Credit : GamingBolt
11 Oct 2021
ลาก่อนเกมในวันวาน!? Metal Gear Solid 5 เตรียมปิดเซิร์ฟเวอร์ของ PS3 กับ Xbox 360 แล้ว
น่าจะเป็นข่าวที่น่าเศร้าของแฟน Metal Gear นะครับ เพราะโพสต์ล่าสุดของทาง Konami ได้ระบุไว้ว่าเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ของ Metal Gear Solid 5 สำหรับเครื่อง PS3 กับ Xbox 360 จะปิดตัวลงในต้นปีหน้าแล้ว ถ้าเพื่อนๆ อยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าลิงก์นี้ไปอ่านได้เลยครับในโพสต์ระบุไว้ว่า ในวันที่ 30 พฤศจิกายนตัว DLC สำหรับโหมดออนไลน์จะเลิกวางขาย จากนั้นในวันที่ 1 มีนาคม ปีหน้า ตัวเกมจะไม่สามารถซื้อได้บนแพลตฟอร์ม PS3 กับ Xbox 360 และสุดท้าย ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2022 ตัวเซิร์ฟเวอร์จะหยุดทำการทันที ถึงมันจะเป็นเรื่องน่าเศร้าแต่สำหรับผู้เล่นที่ออนไลน์บนเครื่อง PS4 กับ Xbox One และ PC ยังคงวางใจแล้วเพลิดเพลินไปกับโหมดออนไลน์ได้อีกระยะนึงครับ ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์ในวันวานก็ย้อนกลับไปเล่นกันได้นะครับCredit : GamingBolt
01 Sep 2021
Ikuya Nakamura หนึ่งในผู้พัฒนา Metal Gear Solid กำลังเริ่มทำงานใหม่ที่ Konami ยังไม่ประกาศ
อย่างที่เป็นข่าวใหญ่และรู้กันดีในวงการเกม ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Konami ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้ หลังจากการประกาศลาออกอย่างเป็นทางการของ Hideo kojima ผู้ให้กำเนิดเกมในซีรีส์ Metal Gear Solid แน่นอนว่าเรารู้ดีว่าผู้กำกับเกมคนเก่งคนนี้ได้ออกมาตั้งสตูดิโอของตัวเอง และประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แต่...แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับผู้พัฒนาคนอื่นๆ ใน Konami กันบ้างล่ะ?สำหรับผู้พัฒนาที่ฝ่าฟันอุปสรรคกับทาง Konami ในซีรีส์ Metal Gear Solid มาอย่างโชกโชนอย่าง Ikuya Nakamura ก็ได้กล่าวในเชิงที่ว่าตนนั้นกำลังเริ่มงานในเกมใหม่ ที่ยังไม่ได้ประกาศผ่าน Reddit อย่างเป็นทางการ ผ่านทางไบโอของ Twitter ส่วนตัว ซึ่งจากประวัติของเขาที่เป็นนักเขียนและนักออกแบบเกม โดยมีผลงานชิ้นสุดท้ายของเขาเลยก็คือ Metal Gear Survive ก็ทำให้ข่าวนี้น่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างมากเลยว่า งานชิ้นต่อไปของเขานั้นจะเป็นอย่างไรข่าวลือบางส่วนที่หลุดออกมาก็ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับว่า มันอาจจะเป็นการฟื้นฟู Metal Gear Solid ก็เป็นได้ ในขณะที่บางข่าวก็บอกว่าไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็น Silent Hill ภาคใหม่ที่มีโหมดผู้เล่นหลายคน ซึ่งหนึ่งในทีมที่อาจเข้ามาพัฒนาเกมเลยก็อาจเป็น Bloober Team ผู้พัฒนา The Medium และ Layers of Fear ก็เป็นได้อย่างไรก็ดีทั้งหมดนี้ก็ยังคงเป็นเพียงข่าวลือที่อาจจะเป็นความจริง หรืออาจจะเป็นเพียงแค่ความน่าจะเป็นที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวกันต่อไปอย่างใกล้ชิดนะคะCredit: GamingBolt
30 Aug 2021
หนังสือแรงบันดาลใจในการสร้างเกมของ Hideo Kojima ขายปลายปีนี้!
Hideo Kojima ถือว่าเป็นหนึ่งในพัฒนาเกมจากแดนปลาดิบ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการ โดยผลงานล่าสุดของเขา Death Stranding ที่วางจำหน่ายไปในปี 2019 หรือ Metal Gear Solid ภาคต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาทั้งสิ้น ที่นี่ทุกคนเคยสงสัยหรือไม่ว่า แรงบันดาลใจในการสร้างเกมของเขามาจากไหน? "The Gifted Gene and My Lovable Memes" คือหนังสือที่เขียนโดยตัวคุณ Hideo Kojima เอง ซึ่งมันได้เล่าถึงสิ่งต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเกมของเขา ซึ่งในตอนแรกหนังสือเล่มนี้มีแต่แบบภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น โดยถือเป็นข่าวดีสำหรับคนที่อยากอ่านหนังสือเล่มนี้ เมื่อล่าสุด VIZ Media ประกาศว่าจะมีการออกหนังสือเล่มนี้เวอร์ชันภาษาอังกฤษในชื่อ "The Creative Gene: How books, movies, and music inspired the creator of Death Stranding and Metal Gear Solid." ในวันที่ 12 ตุลาคม 2021 เห็นว่าในหนังสือเล่มนี้จะมีช่วงการพูดคุยระหว่างคุณ Kojima กับ Gen Hoshino ผู้แต่งเพลง "Pop Virus" ใน Death Stranding ด้วย Credit: https://www.siliconera.com/hideo-kojima-book-the.../
22 Feb 2021
หนังสือแรงบันดาลใจในการสร้างเกมของ Hideo Kojima ขายปลายปีนี้!
Hideo Kojima ถือว่าเป็นหนึ่งในพัฒนาเกมจากแดนปลาดิบ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการ โดยผลงานล่าสุดของเขา Death Stranding ที่วางจำหน่ายไปในปี 2019 หรือ Metal Gear Solid ภาคต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาทั้งสิ้น ที่นี่ทุกคนเคยสงสัยหรือไม่ว่า แรงบันดาลใจในการสร้างเกมของเขามาจากไหน? "The Gifted Gene and My Lovable Memes" คือหนังสือที่เขียนโดยตัวคุณ Hideo Kojima เอง ซึ่งมันได้เล่าถึงสิ่งต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเกมของเขา ซึ่งในตอนแรกหนังสือเล่มนี้มีแต่แบบภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น โดยถือเป็นข่าวดีสำหรับคนที่อยากอ่านหนังสือเล่มนี้ เมื่อล่าสุด VIZ Media ประกาศว่าจะมีการออกหนังสือเล่มนี้เวอร์ชันภาษาอังกฤษในชื่อ "The Creative Gene: How books, movies, and music inspired the creator of Death Stranding and Metal Gear Solid." ในวันที่ 12 ตุลาคม 2021 เห็นว่าในหนังสือเล่มนี้จะมีช่วงการพูดคุยระหว่างคุณ Kojima กับ Gen Hoshino ผู้แต่งเพลง "Pop Virus" ใน Death Stranding ด้วย Credit: https://www.siliconera.com/hideo-kojima-book-the.../
22 Feb 2021
ผู้ให้เสียงพากย์ Metal Gear Solid มีการรวมตัวอีกครั้ง เป็นสัญญาณถึงอะไรรึเปล่า?
ตั้งแต่การวางจำหน่ายของ Metal Gear Survive ในปี 2018 เชื่อว่าแฟนๆ ซีรีส์ที่รักเกมนี้มากๆ น่าจะกำลังเป็นห่วงอนาคตของซีรีส์อยู่ เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวสารอะไรเกี่ยวกับภาคใหม่ของซีรีส์ออกมาอีกเลย แต่อะไรๆ ก็อาจจะเปลี่ยนไปแล้วครับ เมื่อล่าสุดเหล่าผู้ให้เสียงเป็นตัวละครต่างในเกม ได้มีการรวมตัวกันอีกครั้งแบบออนไลน์! David Hayter ผู้ให้เสียงเป็น Solid Snake ได้โพสต์ข้อความผ่าน Twitter ว่า เขาเพิ่งจะมีการประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้ให้เสียงพากย์เป็นตัวละครหลักต่างๆ ในซีรีส์ไป แถมยังมีการเขียนในตอนจบด้วยว่า "ข้อมูลเพิ่มเติมจะมาเร็วๆ นี้" ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะเป็นเกมภาคใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ตามจากรูปที่ David Hayter ปล่อยออกมาด้วย แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขาประชุมกันผ่านโปรแกรม Zoom ซึ่งรับรู้ได้เลยว่าเป็นการประชุมแบบไม่ทางการนัก ดังนั้นคิดว่า Konami อาจไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นอาจประกาศเร็วๆ นี้ ที่ David เขียนมา คิดว่าคงไม่ใช่เกมภาคใหม่ครับ แต่จะเป็นอะไรก็ต้องติดตามต่อไป Look who I’ve been hanging out with. An epic reunion with the #MetalGearSolid cast to rock your world. Details coming soon.@CTBsocial @joshkeaton @LoriAlan1 @christophran@Robin_A_Downes @CamClarkeVoices @4pauleiding@missmaewest @jhaletweets pic.twitter.com/jbff9Uy6k4 — David Hayter (@DavidBHayter) January 21, 2021 Credit: GamingBolt
25 Jan 2021
ประวัติ Hideo Kojima บิดาผู้สร้าง Metal Gear อัจฉริยะของวงการเกม
เหล่าเกมเมอร์เองก็น่ารู้จักนักพัฒนาในอุตสาหกรรมเกมโลกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก กับบิดาผู้สร้างเกมซีรีส์ Metal Gear อย่างคุณ Hideo Kojima (ฮิเดโอะ โคจิมะ) กับการยกย่องให้เขาคือคนที่สร้างเกมที่เต็มไปด้วยคุณภาพคับแก้ว ที่แต่ละเกมที่สร้างไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะความเป็น Perfectionist และความอยากที่จะผลักดันอะไรใหม่ๆ ให้กับวงการเกมนั่นเอง ซึ่งในวันนี้เรา GameFever TH ได้เอาประวัติของชายคนนี้มาฝากกันครับ ว่าความเป็นมาของเขาเป็นอย่างไร กว่าที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้เราต้องพบเจออะไรมาบ้าง เราไปชมกันเลย !! ฮิเดโอะ โคจิมะ เปิดคนสัญชาติญี่ปุ่นเกิดเมื่อปี 1963 ณ แขวงเซตากายะ จังหวัดโตเกียว แต่เมื่อตอนที่เขาอายุ 4 ปีครอบครัวของเขาได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่โอซาก้า โดยตัวโคจิมะนั้นมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งครอบครัวของเขานั้นมักจะมีกิจกรรมยามว่างกันทุกๆ คืนคือการดูภาพยนต์ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ขนาดที่ว่าถ้าหนังไม่จบเขาห้ามไปนอนเลยทีเดียว พอโตมาหน่อยครอบครัวของโคจิมะได้ย้ายบ้านอีกครั้งมาอยู่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองชิราซากิ แต่ไม่นานเขาก็ย้ายอีกครั้ง ไปที่เมืองคาวานิชิเฮียวโกในภูมิภาคคันไซ ซึ่งชีวิตเขาก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อพ่อของเขานั้นได้เสียชีวิตลงตอนอายุ 13 ปี ทำให้ครอบครัวของเขานั้นยากจนลง เขาเลยต้องกลายเป็นเด็กที่ดูแลตัวเองมากขึ้น และจะต้องดูแลเรื่องของตัวเองหลังกลับจากโรงเรียนทุกวัน นิยามที่เรียกโคจิมะในวัยเด็กนั้นคือเด็กกุญแจบ้าน ที่ครอบครัวไม่มีใครอยู่จะต้องไขประตูบ้านด้วยตัวเอง ต้องดูแลตัวเองนั่นเอง พอโตมามันเลยทำให้เขานั้นเวลาไปพักโรงแรมไหนๆ หรือไปเที่ยว เขาจะต้องเปิดทีวีทันทีเพื่อแก้ปมอาการเหงาตั้งแต่เด็ก แรกเริ่มตัวเขานั้นมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นศิลปินคนสร้างภาพยนต์ หรือผู้วาดภาพประกอบ แต่เขารู้สึกท้อแท้จากแรงกดดันของบรรทัดฐานทางสังคมที่นิยมความมั่นคง ทำงานมีเงินเดือนมากกว่าการแสวงหาความคิดสร้างสรรค์ เพราะลุงของเขาเองก็เป็นศิลปินที่พยายามหาเงินเลี้ยงชีพแบบนี้นั่นเอง ในวัยเด็กเขาเริ่มเรียนเศรษฐศาสตร์ ขณะเดียวกันก็เขียนเรื่องสั้นในเวลาว่างอีกด้วย โดยตัวเขานั้นก็ส่งเรื่องสั้นไปยังนิตยสารต่างๆ แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ถูกตีพิมพ์ ซึ่งภายหลังโคจิมะอ้างว่าเรื่องสั้นของเขามักจะยาวกว่า 400 หน้า ในขณะที่เรื่องสั้นทั่วไปมักจะยาวแค่ 100 หน้าเท่านั้น ซึ่งในที่สุดเขาก็เปลี่ยนความคิดมาสร้างภาพยนต์กับเพื่อนที่มีเพียงแค่กล้อง 8มม. ตัวเดียว จุดเปลี่ยน โคจิม่าเปิดเผยว่าขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัย เขาพบว่าตัวเองเล่นวิดีโอเกมในช่วงเวลาว่าง ซึ่งเมื่อก่อนก็มักจะเป็นเกม Famicom ของทาง Nintendo ซึ่งนี่แหละอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาชอบเกมขึ้นมา เพราะพอทางโคจิมะเรียนถึงปีที่ 4 ตัวเขาประกาศให้คนรอบข้างรู้ว่าเขาต้องการที่จะทำงานในอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาเองมีความฝันอยากเป็นผู้กับภาพยนตร์นั่นเอง เพราะเขารู้สึกว่าวิดีโอเกมจะทำให้เขาสมปราถนามากกว่า และเป็นไปตามคาดที่ว่าเหล่าเพื่อนๆ ของเขาไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะก้าวมาทำงานสายนี้ เนื่องจากวิดีโอเกมมันเป็นสื่อใหม่ที่ยังไม่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องของการหารายได้ แต่ถึงอย่างนั้นแม่ของเขาก็ยังสนับสนุนเขาเต็มที่และทำให้ทางโคจิมะมั่นใจกับการก้าวไปในสู่เส้นทางอาชีพของเขา รวมถึงโคจิมะเล่าว่าอุตสาหกรรมนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกจากโรงเรียนมา และรู้สึกว่าเกมจะเสนอโอกาสให้เขาอีกครั้ง ซึ่งโคจิม่าพบคนจำนวนมากที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน มันเลยทำให้พวกเขานั้นมีการผูกพันธ์กันในแง่หนึ่ง โคจิมะอ้างว่าเกมที่ทำให้เขาตัดสินใจอยากจะเป็นผู้พัฒนาเกมก็คือ Super Mario Bros. ของคุณชิเงรุ มิยาโมโต้ และ The Portopia Serial Murder Case ของคุณ ยูจิ โฮริอิ รวมถึงการดีไซน์เกม Openworld ที่มีอิทธิพลสำหรับเขาคือเกม Hydlide รวมถึงได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมต่างๆ มากมายด้วย เข้าสู่ Konami โคจิมะได้เข้าร่วมเป็นผู้ผลิตเกมให้กับบริษัท Konami ในปี 1986 ในฐานะนักออกแบบและวางแผน ซึ่งตัวเขานั้นรู้สึกผิดหวังกับงานที่ได้รับมอบหมาย เพราะจริงๆ แล้วเขาต้องการที่จะทำงานกับทาง Nintendo หรือเกมอาร์เคตมากกว่า แต่ว่าโคจิมะรู้สึกว่าระบบต่างๆ ของ Nintendo ดูเข้มงวดจนเกินไป ในตอนแรกเริ่ม แนวคิดไอเดียสร้างเกมของโคจิมะนั้นมักจะถูกทาง Konami ปัดตกไปช่วงแรกๆ เพราะเขานั้นไม่ชำนาญทักษะในการเขียนโปรแกรม ซึ่งทำให้ในปีแรกๆ เขาล้มเหลวถึงขนาดที่อยากจะออกจากบริษัท แต่เขาก็ยังอดทนอยู่ต่อ โดยเกมแรกที่เขาทำก็คือเกม Penguin Adventure ภาคต่อของ Antarctic Adventure ที่เขาได้ไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในเวลานั้น แต่เกมแรกที่เขาพัฒนานั้นชื่อว่า Lost Warld ที่จะลงให้กับเครื่อง MSX ในปี 1986 แต่อย่างไรก็ตามเกมนี้ก็ถูกหัวหน้าเขาปัดตกไป <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/05kTZArlAtI" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> ต่อมาทาง Kojima ได้ถูกขอให้รับช่วงต่อโครงการ Metal Gear จากซีเนียร์ระดับสูง โดยเกมนี้ตั้งใจที่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ของทหารในยุคปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นด้วยองค์ประกอบด้านฮาร์ดแวร์เครื่องที่จะลงนั้นมีจำกัด เพราะ มันอาจจะทำได้ยากถ้าหากจะให้เกมๆ หนึ่งมีกระสุนยิงสาด หรือศัตรูแห่เข้ามามากมาย เขาจึงได้คิดไอเดียในการทำให้เกมกลายเป็นแนวต่อสู้กับศัตรูเพื่อหลบเลี่ยงจากการถูกจับแทน หรือเกมแนวลอบเร้นอย่างที่เรารู้จักกัน โดยมันได้รับแรงบรรดาลใจมาจากหนังเรื่อง The Great Escape นั่นเอง ในช่วงแรกๆ โปรเจกต์นี้ใช้ชื่อว่า Intruder ตอนพัฒนา และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Metal Gear นั่นเอง โดยตัวเกมถูกปล่อยลงบนเครื่อง MSX2 ในญี่ปุ่นและยุโรป และเกม Metal Gear นี้ภายหลังได้ถูกนำไปลงเครื่อง NES ของทาง Nintendo แต่ตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำโปรเจกต์นี้และเขาเองก็แสดงออกถึงความไม่ชอบใจและวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของเกม มีการแปลที่ไม่ค่อยดี และไม่มีการต่อสู้กับ Boss ด้วยอาวุธพิเศษ <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/VlbjV5uE2mA" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> โปรเจกต์ต่อไปของเขาที่ทำคือเกมแนว Graphic Adventure อย่าง Snatcher เกมได้รับอิทธิพลจากนิยายวิทยาศาสตร์ไซเบอร์พังค์เช่น Akira, Blade Runner, The Terminator และ Bubblegum Crisis ที่เนื้อเรื่องจะตั้งอยู่ในช่วงหลังการล่มสลายของโลก ดำเนินเรื่องโดยนักสืบความจำเสื่อมที่จะต้องเผชิญกับเผ่าพันธ์ Cyborgs โดยทางโคจิม่าและทีมเป็นฝ่ายที่เขียนเรื่องราวทั้งหมดของเกม แต่พวกเขานั้นถูกบังคับให้ออกจากโปรเจกต์ในข่วงขั้นตอนสุดท้ายเนื้อจากข้อจำกัดด้านเวลา แต่ตัวเกมดังกล่าวนั้นก็ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก ในการผลักดันเกี่ยวกับการเล่าเรื่องวิดีโอเกมมีการตัดต่อฉากภาพยนตร์และเนื้อเรื่องสำหรับผู้ใหญ่ รวมถึงยังได้รับการยกย่องในด้านกราฟิก และเสียงประกอบที่มีคุณภาพสูงเทียบเท่านวนิยาย ภาพยนตร์ หรือวิทยุเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องยอดขายของเกมนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้า เพราะว่าตัวเกมถูกจำกัดการเข้าถึงด้านอายุ เลยขายได้เพียงแค่ 2-3000 ชุดเท่านั้น <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/9Ij_Oo4zIVI" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> ในปี 1990 โคจิมะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการผลิตสองเกมคือ SD Snatcher ที่เป็นเกมภาค Spinoff ของภาคก่อนหน้า และเกมภาคต่อของซีรีส์ชื่อดังอย่าง Metal Gear 2: Solid Snake ที่ได้ทำการพัฒนารูปแบบของเกมให้ก้าวขึ้นไปกว่าภาคที่แล้วอย่างการที่ผู้เล่นมีความสามารถมากขึ้นอย่างการหมอบคลานเข้าไปในจุดซ่อนเร้น หรือท่อระบายอากาศ รวมถึงด้าน AI ศัตรูเองก็มีความฉลาดมากขึ้นที่สามารถมองเห็นได้ถึง 45 องศา มีการตรวจจับเสียงต่างๆ นาๆ มากมาย <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/awUmGQYWs54" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> จริงๆ แล้วเกม Metal Gear ภาคสอง แรกเริ่มจะใช้ชื่อว่า Snakes Revenge ที่ทางโคนามิเองกะจะสร้างโดยที่ไม่ได้คิดจะให้โคจิมะเข้ามามีส่วนร่วม แต่ทางโคจิมะเองก็ได้สอบถามกับทีมงานที่ทำเกมนี้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งพอได้คำตอบว่าเป็นเรื่องจริงเขาจึงได้ทำแผนสร้าง Metal Gear 2: Solid ขึ้นมา และลงให้กับเครื่อง MSX2 ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนทางฝั่งยุโรปกว่าจะได้เล่นเกมนี้ก็ปาเข้าไปปี 2006 เลยทีเดียว หลังจากที่โคจิมะเองได้ทำเกมอื่นๆ ประปรายอยู่บ้าง แต่ขณะเดียวกันในปี 1994 เขาเองก็กำลังซุ่มพัมนาเกม 3D ตัวแรกที่เป็นภาคต่อของเกม Metal Gear 2: Solid Snake ซึ่งนั่นก็คือเกม Metal Gear Solid อันเลื่องลือที่เรารู้จักกัน โดยตัวเกมได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Game Show และ E3 1997 จนสุดท้ายได้ปล่อยตัวเกมจริงออกมาให้เราเล่นในปี 1998 บนเครื่อง PlayStation 1 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/CENrUmidpcg" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> หลังจากปล่อยเกมภาคนี้ออกมา ทำให้ทางโคจิมะได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในด้านของวิดีโอเกม เพราะ Metal Gear Solid เป็นเกมแรกในซีรีส์นี้ที่ใช้กราฟิก 3D และการแสดงด้วยเสียงที่มันให้ประสบการณ์การรับชมคล้ายๆ กับภาพยนตร์มากกว่าเกมเลยทีเดียว รวมถึงยังได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเกมการเล่นที่ออกแบบมาได้อย่างดี รวมถึงเนื้อเรื่องของเกมที่เป็นจุดเด่น ซึ่งทางโคจิมะเองก็ได้ทำการสร้างภาคต่อของเกมซีรีส์นี้ออกมามากมาย ขนาดเคยได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมจากหลายๆ สื่อมาแล้ว รวมถึงเกม Metal Gear Solid 4: Guns of the Patriots ยังได้รับรางวัล Game of the Year จากทาง Japan Game Awards รวมถึงโคจิมะเองยังได้รับการกล่าวขานเกี่ยวกับการสร้างเกมที่เน้นความ Perfectionist แต่ละเกมที่ทำมักจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเกมมากมาย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการออกจาก Konami ในปี 2012 ทางโคจิมะได้ทำการพัฒนา Fox Engine ของตัวเองเสร็จสิ้น รวมถึงเขายังเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขานั้นอยากจะสร้างเกม Silent Hill ด้วย Engine ตัวนี้เหลือเกิน เพราะมันน่าจะสามารถมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของกราฟิกและศัตรูที่โดดเด่นได้ ซึ่งทางประธานของ Konami เองก็เห็นด้วยและประกาศให้ทางโคจิมะสร้างเกมนี้ ในปี 2014 เดโมของเกม Silent Hill ก็ได้ปล่อยออกมาให้ทุกคนได้ลองเล่นโดยใช้ชื่อว่า P.T. ซึ่งมันได้รับการกล่าวขานถึงความน่ากลัวเป็นอย่างมาก กับการที่เราจะได้เข้าไปอยู่บ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงัดและวังเวง พร้อมกับฉากตกใจที่ทำมันเป็นกระแสไวรัลอย่างมากในสมัยนั้น และเดโมตัวเล็กๆ อย่าง P.T. นี้ทำให้กระแสเกมแนว Horror กลับมาบูม รวมถึงยังมีเกมอินดี้มากมายที่สร้างเกมแนวนี้ออกมาอย่างล้นหลาม และใช้แบบพิมพ์ของ P.T. มาพัฒนาต่อ รวมถึงในตัวอย่างของเกมยังได้ Norman Reedus นักแสดงจากเรื่อง The Walking Dead มาร่วมแสดงด้วย https://www.youtube.com/watch?v=Ay_RAkE7bUY คลิปเกมเพลย์ P.T. (เตือน !! น่ากลัวมาก) https://www.youtube.com/watch?v=r6NCC-nnvMU แต่ในขณะเดียวกัน !! ทางโคจิมะก็กำลังติดกับโปรเจกต์ภาคต่ออย่าง Metal Gear Solid V: The Phantom Pain ที่จะเป็นภาคจบและสรุปทุกสิ่งทุกอย่างของเกม แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายมีข่าวว่าเขาได้หยุดการเข้าไปมีส่วนร่วมกับงานนี้ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำงาน ซึ่งมีคนกังวลว่าเขานั้นจะออกจากบริษัท และมันก็เป็นเรื่องจริงเพราะรายงานของค่ายได้ออกมาบอกว่าโคจิมะจะไม่อยู่กับ Konami แล้วหลังจากที่เกมนี้วางจำหน่าย ซึ่งหลายๆ คนเองก็ต่างพากันสงสัยว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เพราะทางโคจิมะเองก็เป็นคนที่อยู่กับ Konami มาตั้งแต่เขาทำงานใหม่ๆ แต่เหมือนว่าความจริงก็เปิดเผยว่าพวกเขานั้นมีปัญหากันเนื่องจากที่เกม Metal Gear Solid V: The Phatom Pain ได้รับรางวัลเกม Action ยอดเยี่ยมในงาน The Game Awards 2015 แต่ทางโคจิมะไม่สามารถมาเข้าร่วมได้เนื่องจากทาง Konami ผู้ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เกมนี้ได้สังห้ามนั่นเอง ในขณะเดียวกัน Kojima Production ที่เป็นสตูของเจ้าตัวก็ได้ปิดตัวลงไปด้วย https://www.youtube.com/watch?v=Krc1t4HU8GI แต่ในเดือนเดียวกัน !! ทางบริษัท Kojima Production ได้ทำการรับสมัครพนักงานอีกครั้ง ในฐานะสตูดิโออิสระที่จะทำงานร่วมกับทาง Sony Computer Entertainment และได้เปิดตัวโปรเจกต์เกมใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Death Stranding ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกบนงาน E3 2016 รวมถึงยังได้ Norman Reedus กลับมาร่วมงานอีกครั้ง รวมถึงยังมีนักแสดงอื่นๆ อย่าง Mads Mikkelsen, Margaret Qualley หรือผู้กำกับหนัง Pacific Rim ภาคแรกอย่าง Guillermo del Toro ก็ร่วมแสดงในเกมนี้เช่นกัน <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/i2nuHEGhwiw" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> ทุกวันนี้เกม Death Stranding ก็ได้วางจำหน่ายออกมาเป็นปีแล้ว ถึงแม้ว่าตัวเกมอาจจะเข้าถึงยากไปนิด แต่ก็ต้องยอมรับในเรื่องของความแปลกใหม่ของเกม และเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้อย่างดีงามมากๆ และได้คะแนนจากนักวิจารณ์ไปมากถึง 83/100 คะแนนเลยทีเดียว (อ้างอิงจากเว็บไซต์ Metacritic)
17 Aug 2020
Jordan Vogt-Roberts พยายามผลักดัน Metal Gear Solid ออกมาในแบบฉบับการ์ตูน !!
จากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะทำภาพยนตร์จากเกม Metal Gear Solid ออกมา แต่ก็มีท่าทีว่าจะไม่สำเร็จ ล่าสุดได้มีการเคลื่อนไหวออกมาว่าจะจัดทำออกมาในรูปแบบของการ์ตูน !! คุณ Vogt-Roberts ได้ทำงานบนโปรเจคนี้มาอย่างยาวนานเกือบ 6 ปี เขาได้มีการวางในการจัดซีรี่ส์การ์ตูนนี้ออกมาในรูปแบบอนิเมชั่นที่มีการใส่เสียงพากย์ของ David Hayter เข้าไปด้วย แต่การดำเนินโปรเจคในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสำเร็จในเวลาที่รวดเร็วได้ ทั้งที่มีรายชื่อของนักแสดงบทบาทของ Solid Snake แล้ว เพราะผู้กำกับได้กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการนำโปรเจคนี้เข้าสู่ Hollywood studio ต่อให้การทำงานของเขาจะเนิ่นนานมาถึง 6 ปีเขายังคงยืนยันที่จะต่อสู้กับงานนี้ต่อไปอาจจะมีการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบเพื่อให้สามารถนำผลงานออกมาสู่ท้องตลอดได้ ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบของภาพยนตร์มาเป็นการ์ตูนอาจจะมีแน้วโน้มที่เป็นไปได้มากกว่า ก็ไม่แนjว่าเราอาจจะได้เห็นเซอร์ไพร์สของ Metal Gear Solid มาในรูปแบบภาพยนตร์ก็ได้ Credit: Pcgamer
03 Jul 2020
Hideo Kojima บอกใบ้ถึงเกมใหม่ของเขาที่กำลังจะทำ!
Hideo Kojima ผู้สร้างเกม Death Stranding และซีรีส์เกม Metal Gear Solid ยอดฮิตได้ออกมาพูดถึงแนวคิดเกมต่อไปของเขาในตอนนี้ แม้ว่าคงจะอีกสักพักหนึ่งเราถึงจะได้เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่างก็ตาม Kojima ได้ร่วมมือกับ Art director อย่าง Yoji Shinkawa เพื่อทำเกมใหม่ของพวกเขา Kojima เล่าว่าเขาได้พูดคุยกันผ่านอีเมลเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ของเกมนั่นรวมถึง "ตัวละครแต่ละตัว, ลักษณะบทบาท, และ Keywords" ในอีกโพสต์บน Twitter เขาได้พูดถึงเพลงที่ฟังขณะทำงานกับแนวคิดเกมต่อไปของเขา Kojima Productions ได้กล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะทำงานในโปรเจคใหม่หลายโปรเจค ซึ่งหนึ่งในนั้นจะเป็นเกม "ใหญ่" Kojima เองก็ได้พูดเกี่ยวกับที่เขาต้องการจะทำมันเป็นแนว Horror ในขณะเดียวกัน นักแสดง Norman Reedus ยังกล่าวอีกว่าเขากับ Kojima พูดคุยกันเพื่อทำงานใหม่ๆ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้เห็นเขา อยู่ในเกมต่อไปของคุณ Kojima ด้วยก็เป็นได้ครับ Heres my way of designing new title w/Yoji. 1st we discuss the setting for each character, the background, the world, the color, the characteristics, the roles, the images, ideas and keyword going back&forth via E-mail. WFH & 20 mins direct discussion. Mostly texting via iPhone. pic.twitter.com/XCYpFwsQ6U — HIDEO_KOJIMA (@HIDEO_KOJIMA_EN) June 26, 2020 Working on the concept with listening to “OASIS” by Kitaro I recently bought. I(I used to have the vinyl) Love the illustration by Shusei Nagaoka. pic.twitter.com/hRLyZmnhe5 — HIDEO_KOJIMA (@HIDEO_KOJIMA_EN) June 27, 2020 Credit: Gamingbolt
29 Jun 2020
10 สุดยอดสุนัขจากวิดีโอเกม
ในเกมต่างๆ เราจะได้เห็นเผ่าพันธุ์บรรดาสัตว์มากมายในเกมใช่ไหมครับ แต่หนึ่งในสัตว์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในวีดีโอเกมก็คงไม่พ้นเหล่าสุนัขที่มีเยอะมากในวีดีโอเกม จะมีหลายแบบทั้งพวกดุร้ายที่เป็นศัตรู หรือคู่หูเพื่อนร่วทาง ซึ่งวันนี้ผมจะพาผู้อ่านมารู้จักกับ 10 สุดยอดสุนัขจากเกมต่างๆ จะมีตัวละครไหนที่ถูกใจกันบ้างมาดูกันครับ. 1.KK Slider จากซีรี่ส์ Animal Crossing ผลโหวตเลือก KK Slider ให้เป็นสุนัขที่ดีที่สุดใน Animal Crossing เพราะตัวละครนี้นอกจากจะอยู่กับผู้เล่นมาตั้งแต่ภาคแรกๆ แล้วเขายังมีสเน่ห์ในการใช้คำพูดที่นุ่มนวลและขับร้องเพลงที่ไพเราะมากกว่า 90 เพลงนับตั้งแต่ภาค New Leaf! เขายังเป็นตัวละครสุนัขที่ไม่เหมือนใครครับเพราะเขาสามารถเปิดคอนเสิร์ตและมอบความสนุปให้กับผู้คนบนเกาะอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย. 2.Dogmeat จากซีรี่ส์ Fallout 4 Fallout เป็นซีรี่ส์ที่ทำให้ชาวเกมหลงรักกันมายาวนานอยู่พักใหญ่ๆ และยังมีเจ้าหมา Dogmeat หนึ่งในตัวละครที่โดดเด่น มันปรากฏตัวในเกมครั้งแรกเมื่อปี 1997 และยังคงออกมาให้เห็นอยู่ในเกมแทบทุกภาคจนมาถึงภาค 4 โดยแฟนๆ เกมนี้รักสุนัขตัวนี้มาก ถึงขนาดที่ว่าถ้าเจ้าหมาตายผู้เล่นจะยอมย้อนกลับไปเล่นใหม่ ซึ่งนั่นหมายความว่าเป็นการยกเลิกเซฟที่เล่นมาหลายชั่วโมงเลยครับ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ มีความสุขมากๆ ใน Fallout 4 เพราะเจ้าหมา Dogmeat นั้นไม่สามารถตายได้มันจะอยู่กับเราจนจบเกมครับ. 3.The Dog จากเกม Fable II เจ้าหมาแห่ง Fable II เป็นที่เหล่าเกมเมอร์รู้ดีกันครับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ใหญ่ที่สุดในเกม สุนัขตัวนี้จะเป็นเพื่อนรักและผู้ติดตามของเราไปตลอดเกมยอมสู้ตัวตายเพื่อปกป้องเราเวลาต้องสู้กับ BOSS ซึ่งเมื่อจบเกมผู้เล่นจะสามารถเลือกรางวัลใหญ่ได้ 3 ทาง คือ 1.เงินทองมหาศาล 2.ฟื้นชีวิตคนที่ตายให้กลับมา 3.ชุบเจ้าหมาของเรา แล้วผู้อ่านคิดว่าส่วนใหญ่เหล่าเกมเมอร์จะเลือกข้อไหนครับ555. 4.Sif จากเกม Dark Souls การต่อสู้ที่ดุเดือดแต่แฝงไปด้วยบรรยากาศที่หดหู่ บรรยากาศของมิตรภาพในวันวาน เมื่อผู้เล่นต้องจัดการกับหมาป่าที่ปกป้องหลุมศพของสหายผู้ล่วงลับ ที่สำคัญคือนักออกแบบหมาป่าตัวนี้ทำมันออกมาได้ดูเท่และน่าเกรงขามมากๆ มันทั้งตัวใหญ่และคาบดาบยักษ์เป็นอาวุธ มีผู้เล่นหลายคนเผยความรู้สึกว่าถ้าเลือกได้พวกเขาจะหลีกเลี่ยงที่จะต้องสังหารมัน เพราะมันไม่ได้ต้องการทำร้ายใครก่อน เพียงแค่จะปกป้องศักดิ์ศรีและความรักที่มันมีให้ต่อสหายเท่านั้น. 5.D-Dog จาก Metal Gear Solid V ผู้เล่นซีรี่ส์ Matal Gear Solid ทุกคนล้วนตกหลุมรักเจ้า D-Dog เพราะมันออกมาอยู่ในซีรี่ส์ตั้งแต่ตอนยังเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ ที่ดูเลี้ยงโดย Snake แถมยังมีใส่ผ้าปิดตาไว้ข้างนึงเหมือนเข้านายของมันอีกด้วย นึกภาพนะครับว่าเราเห็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ เติบโตจนกลายเป็นสุนัขทหารขนเทาที่น่าเกรงขาม คอยช่วยเหลือเราในยามบุกฐานศัตรูทั้งคอยดมกลิ่น หลอกล่อ และกระโจนขย้ำศัตรูตามคำสั่งอีกด้วย. 6.Polterpup จาก Luigis Mansion 3 ใครบอกว่าผีไม่น่ารักครับ ผมขอแนะนำให้รู้จักกับวิญญาณผีน้อยอย่าง Polterpup แต่วิญญาณตนนี้ยังคงสเน่ห์ความเป็นน้องหมาอยู่ครับ เกมบางเกมมีสัตว์น่ารักมากมายที่ปรากฏมาในเกม แต่ผู้เล่นที่หลงใหลในสัตว์เหล่านั้นทำได้แค่มองและเสียดายที่ไม่สามารถนำพวกมันมาเลี้ยงได้ แต่สำหรับเกมนี้ที่ทำให้หลายๆ คนหลงรักมันก็คือผู้เล่นสามารถเลี้ยงมันได้ใน Luigis Mansion 3 ! 7.สุนัขแสนน่ารำคาญจาก Undertale เจ้าสุนัขสุดป่วนที่กลายเป็นอีกจุดเด่นของเกม Undertale มันชอบออกมาป่วนและโผล่มากวนผู้เล่นเป็นช่วงสั้นๆ แต่บ่อยครั้งตลอดทั้งเกม เช่นบางครังมันไปขโมยคาบกระดูกของ Papyrus ( ตัวละครรูปร่างกระดูกในเกม ) ซึ่งกระดูกนั้นจะทำการระเบิดเมื่อมาถึงมือเรา แล้วจะดูดไอเทมที่ผู้เล่นได้รับมาจากการไขปริศนาต่างๆ ถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหมาตัวนี้มันเกรียนและป่วนยังไงก็ต้องลองซื้อเกม Undertale มาลองเล่นกันแล้วแหละครับ555. 8.Amaterasu จาก Okami Amaterasu จะไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยง บอส หรือตัวประกอบในเกม แต่จะเป็นตัวละครที่ผู้เล่นจะต้องเล่นเป็นตัวหลัก ซึ่ง Amaterasu เป็นเทพธิดาในรูปแบบหมาป่า ซึ่งเธอมีความสามารถพิเศษมากมายเช่น หางของเธอนั้นสามารถวาดพลังงานเพื่อสร้างเป็นแสงสว่าง ความมืด หรือธาตุต่างๆ อย่าง ดิน น้ำ ไฟ ลมได้ยังมีความสามารถที่ผมไม่ขอสปอยด์อยากให้ผู้อ่านลองไปตามหาดูในเกม Okami นะครับแต่ขอรับประกันในงานภาพ และเนื้อเรื่องที่คุ้มค่ากับการเล่นมากๆ ครับ. 9.Wolf Link จาก Twilight Princess หนึ่งในตัวละครที่ดูโดดเด่นที่สุดของเกมตลอดการนั่นคือ Wolf Link ในเกม Twilight Princess ที่สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าหรือมนุษย์ก็ได้ แต่เวลาแปลงร่างเป็นหมาป่านั้นจะทำให้เขาสามารถสื่อสารกับสัตว์อื่นๆ และควบคุมมันได้ ที่สำคัญถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหมาป่าตัวที่เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่าผู้เล่นสามารถเรียกเขามาเป็นสัตว์คู่กายได้ในเกมดังอย่าง The Legend of Zelda: Breath of the Wild. 10.หมาป่าจาก Resident Evill 4 บอกเลยว่าข้อสุดท้ายนี้เกมเมอร์ยุค PS2 แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักครับ เจ้าหมาป่าตัวนี้ผู้เล่นจะพบมันในช่วงแรกๆ ซึ่งมันจะถูกกับดับสัตว์ล็อคขาอยู่ *ในส่วนนี้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะช่วย ปล่อยไว้ หรือยิงทิ้ง โดยถ้าใครที่เลือกช่วยเหลือมัน มันจะกระโดดหนีหายไปในป่า แต่จะมีสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผู้เล่นคือ เมื่อถึงฉากต้องสู้กับซอมบี้ยักษ์ เจ้าหมาตัวนี้มันจะออกมา ( บอกเลยว่าผมเล่นผมรู้สึกใจเต้นมากๆ เหมือนพระเอกเลยครับเท่ๆ มากๆ น้องหมาตัวนี้ ) และทำการล่อเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าซอมบี้ยักษ์ ทำให้ผู้เล่นสามารถเอาชนะได้ง่ายขึ้นครับ! Credit: Gamerant
19 Jun 2020
Hero’s Journey : ‘ตัวเอก’ ของชิ้นงานสร้างสรรค์ที่ดี ที่เราอยากเชียร์
เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวที่ค่อนข้างชวนช็อคในแวดวงนักอ่านและนักเขียนพอสมควร เมื่อ คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือที่รู้จักกันในนามปากกา พนมเทียน’ เจ้าของผลงานนิยายผจญภัยอมตะของไทยอย่าง ‘เพชรพระอุมา’ และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ปี 2540 ได้ถึงแก่กรรมในวัย 89 ปีด้วยโรคหัวใจ ถือได้ว่าเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงแก่แวดวงอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้ [caption id="attachment_51861" align="aligncenter" width="1024"] คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ ครูพนมเทียน เจ้าของผลงานนวนิยาย เพชรพระอุมา ผู้ล่วงลับ[/caption] สำหรับผู้เขียน เพชรพระอุมา จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ช่วย Shape เส้นทางงานตัวอักษรอยู่ไม่น้อย เพราะได้พาตัวเองไปร่วมท่องป่าล่องไพรไปกับจอมพรานอย่างรพินทร์ ไพรวัลย์และคณะ ก่อนที่จะเริ่มจับปากกาเขียนเรื่องราวของตัวเองอย่างจริงจัง แน่นอนว่าในความสมบูรณ์แบบของนวนิยายเรื่องนี้ตลอดทั้ง 48 เล่ม มันมีรูปแบบการดำเนินเนื้อหาในทฤษฎีหนึ่งอันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในทางวรรณกรรมวิจารณ์อย่าง ‘ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษ’ หรือ ‘Hero’s Journey’ ที่ถูกนำมาศึกษา และปรับใช้ในการบอกเล่าเรื่องราวผ่านสื่อแขนงต่างๆ และแน่นอน รวมถึงชิ้นงานอย่างวิดีโอเกมก็ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น ถ้ากล่าวโดยสั้นๆ มันคือการศึกษารูปแบบและลักษณะของเรื่องราวปรัมปรา ว่าแม้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยบางส่วนที่แตกต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมและโครงสร้างบางอย่างที่เหมือนกันที่สามารถจัดจำแนกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างสรุปเป็นหัวข้อได้ทั้งหมด 8 หลักใหญ่ร่วมกัน (หรือซอยย่อยออกเป็น 17 หัวข้อหลัก) ตามแผนภาพที่นำเสนอด้านล่างนี้ การศึกษาทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 1871 โดย เอดเวิร์ด เบอร์เนตต์ ไทเลอร์ ที่ทำการสังเกตว่า เรื่องราวและตำนานต่างๆ ของโลกนั้น มีจุดร่วมกันบางอย่างที่มีแบบแผนและรูปแบบที่ตายตัว ก่อนที่นักวิชาการท่านอื่นๆ จะนำเอาทฤษฎีทางจิตวิเคราะห์ของทั้ง ซิกมันด์ ฟรอยด์ และคาร์ล ยุง เข้ามาใช้ร่วมกัน แต่คนที่นำเอาทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษมาใช้อย่างจริงจังนั้น กลับเป็น โจเซฟ แคมป์เบิล ที่นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาใช้อย่างจริงจังในหนังสือ ‘วีรบุรุษพันหน้า (The Hero with a Thousand Faces) และสรุปเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญได้ดังต่อไปนี้ วีรบุรุษออกจากโลกธรรมดาไปสู่ดินแดนที่มีสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่นี้เขาจะได้พบกับสิ่งชักจูงที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ และจะได้รับชัยชนะ จากนั้นเขาจะกลับมาจากการผจญภัยอันลึกลับนี้พร้อมกับพลังที่สามารถช่วยผู้ชายคนอื่นได้ แน่นอนว่าทฤษฎีดังกล่าวนี้ แม้จะมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่พ้นข้อครหาและเสียงวิพากษ์ว่า มันเป็นแนวคิดที่กว้างเกินกว่าที่จะใช้ประโยชน์ได้ในหลักการศึกษาปรัมปราวิทยาเปรียบเทียบ แต่เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันเป็นเสาหลักหรือ Foundation ที่ดีเพียงพอสำหรับการบอกเล่าเรื่องราวในสื่อชนิดต่างๆ ตั้งแต่ตำนานการเดินทางของพระพุทธเจ้า เรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บัญญัติสิบประการของโมเสส การเดินทางไปทำลายแหวนหนึ่งเดียวของโฟรโด้ใน The Lord of the Rings และรวมถึงการเขียนเรื่องราวในสื่อแขนงใหม่อย่างเช่นภาพยนตร์ และวิดีโอเกม สำหรับสื่อวิดีโอเกมที่เติบโตและต่อยอดมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นอีกหนึ่งสื่อบันเทิงแขนงหลักในรอบสี่ทศวรรษนั้น การพัฒนาการบอกเล่าเนื้อหาก็เป็นส่วนสำคัญที่ถูกให้ความใส่ใจ และการใช้ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น ก็เป็นอุปกรณ์สำคัญในการสร้างความลื่นไหลในจังหวะการเล่น เพราะไม่ว่าจะเป็นการตามหาเจ้าหญิงพีชใน Super Mario Brothers, การผจญภัยข้ามยุคของภาคีมือสังหารในซีรีส์ Assassin’s Creed, การลุยฝ่าขุมนรกของ Doom Slayer ใน Doom Eternal, การผจญภัยของ Cloud Strife และผองเพื่อนใน Final Fantasy 7 Remake ไปจนถึงการเดินทางกอบกู้โลกหลังหายนะของ Aloy ใน Horizon Zero Dawn แต่สื่อวิดีโอเกมนั้นมีความพิเศษบางอย่างที่ทำให้ผู้สร้างต้องมีความใส่ใจกับการใช้งานทฤษฎีของวีรบุรุษที่มากกว่าสื่อบันเทิงชนิดอื่นๆ กล่าวคือ มันเป็นสื่อที่ ‘มีการตอบสนอง’ และ ‘ปฏิสัมพันธ์’ กับผู้เสพรับอย่างตรงไปตรงมา มันคือการนำพาผู้เล่นไปสวมรับกับบทบาทและควบคุมทุกสิ่งที่เป็นไปผ่านหน้าจอในตลอดระยะเวลาหลักสิบจนถึงหลักร้อยชั่วโมง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเทียบกับสื่อที่มีธรรมชาติในการปฏิสัมพันธ์กับผู้เสพรับในทางเดียวอย่างเช่นภาพยนตร์ เพราะหน้าที่หลักของผู้สร้าง ไม่เพียงแต่จะต้องรังสรรค์โลกพื้นหลังของเกมให้มีความน่าเชื่อถือเป็น Context สำคัญ (ดังเช่นบทความชิ้นก่อนหน้านั้นที่ผู้เขียนได้ยกอ้างกล่าวถึงไปแล้ว) หากแต่ลำดับเรื่องราวและการเดินทางของตัวละครเอง ก็ต้องสมเหตุสมผลภายใต้ขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนด ไม่นับรวมกับ Content ที่จะต้องให้ความสนุกอย่างเพียงพอ ที่จะทำให้ผู้เล่นนั้นมีส่วนร่วม และเชื่ออย่างสนิทใจว่า ตัวละครที่เขาจะได้ใช้เวลาร่วมกันนั้น เป็นเวลาคุณภาพที่คุ้มค่ามากพอจนกว่าจะถึงปลายทาง อนึ่ง การใช้ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษในชิ้นงานวิดีโอเกม แม้จะเป็นเสาหลักสำคัญที่ผู้สร้างใช้ยึดโยงเอาไว้เป็นแก่นสำคัญ แต่ด้วยธรรมชาติของสื่อชนิดนี้เองนั้น เปิดทางให้กับการดัดแปลงและตีความได้อย่างหลากหลายสำหรับการบอกเล่าเนื้อหาและการใช้ทฤษฎีดังกล่าว เพราะมัน ‘อาจจะ’ ไม่จำเป็นว่าจะต้องจบลงด้วยความผาสุกแบบ Happy Ending เสมอไป การเรียนรู้และเหตุการณ์ของตัวละครอาจจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด การแตกสลาย และการ ‘กลายสภาพ’ ไปสู่ตัวตนใหม่ (ซึ่งก็ตรงกับหลักข้อสุดท้ายของทฤษฎี…) ดังเช่นผลงานเกมเดินหน้ายิงอย่าง Spec Ops: The Line ได้เลือกใช้ (เป็นหนึ่งในผลงานเกมเดินหน้ายิงที่แม้จะไม่โด่งดังมากนัก แต่ก็มีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมที่ผู้เขียนขอแนะนำ…) และในทางหนึ่ง ในอนาคตข้างหน้า มันกำลังจะมีผลงานที่ท้าทายทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษอย่าง Watch Dogs : Legion ที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทตัวละครที่ ‘หลากหลาย’ ทั้งพื้นหลัง ความเป็นมา และคุณสมบัติ มันก็น่าลุ้นอยู่ไม่น้อย ว่าทีมสร้างจะสามารถผูกเรื่องราวและใช้ทฤษฎีดังกล่าวอย่างไร ภายใต้สภาพแวดล้อมเปิด และการมีจุดร่วมอย่างกว้างๆ ไม่เจาะจงตายตัว ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดสำหรับผลงานชิ้นนี้ (ที่เราอาจจะต้องรอนานกว่าที่คิด จากแผนการเลื่อนการวางจำหน่ายเกมของ Ubisoft ที่ถูกผลักออกไปอย่างไม่มีกำหนด…) แต่ในท้ายที่สุดนี้ หากมองในโครงสร้างของทฤษฏีการเดินทางของวีรบุรุษที่ถูกใช้งานมาในตลอดระยะเวลาหลายสิบปีนั้น มันก็สะท้อนถึงความต้องการบางอย่างที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ในความปรารถนาที่จะเป็น ‘ใครสักคน’ ที่มีความสำคัญ ออกเดินทางในการผจญภัยอันไม่ธรรมดา และกลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และสื่อวิดีโอเกม ก็ยิ่งตอกย้ำแนวคิดหลักนี้ให้เด่นชัดมากขึ้นโดยธรรมชาติของการปฏิสัมพันธ์และการตอบสนองของผู้เล่นที่มีต่อชิ้นงาน ที่สามารถควบคุม กระทำ และกำหนดทิศทางได้ด้วยตนเอง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มันอาจจะเป็นวงจรอันน่าเบื่อหน่ายของการใช้ชีวิตตามกำหนดและรูปแบบที่คุ้นเคยและชินชา โดยเฉพาะกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ที่วิกฤติโรคร้าย COVID-19 ทำให้ทุกอย่างถูกแช่แข็งและหยุดนิ่งไปโดยไม่รู้ว่าปลายทางจะไปจบลงที่ใด และเปลี่ยนโฉมหน้าของการเล่นเกมไปในทิศทางที่ไม่เคยมีมาก่อน… และการได้สวมบทบาทเป็นใครสักคน ไม่ว่าจะในรอยเท้าของรพินทร์ ไพรวัลย์กับคณะแห่งเพชรพระอุมา หรือวีรกรรมของ Big Boss (Punished Snake) ในซีรีส์ Metal Gear Solid ก็ตอบรับกับเสียงเรียกที่อยู่ภายในใจของเรา ที่ถูกปลูกฝังผ่านสื่อ เรื่องราว การบอกเล่า มาอย่างยาวนานตลอดช่วงระยะเวลาการเติบโตมาเป็นตัวตนในทุกวันนี้ และ ตัวเอกที่ดี ที่เรามีใจอยากเชียร์ ก็ถูกสะท้อนผ่านแนวคิดของทฤษฎีดังกล่าว ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง เสมอมา... ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
27 Apr 2020
ผู้พากย์เสียง Snake และ Kaz จาก MGS เปิดไลฟ์สดตอบคำถามแฟนๆ เกี่ยวกับ โปรเจคใหม่ใหม่ ของทั้งสอง
หลังจากที่ปล่อยคำหยอดผ่านทวิตเตอร์ให้แฟนๆ ได้มีความหวังกันมาซักพัก ในที่สุดก็จะได้รู้ซะทีว่าคุณ Robin Atkin Downes ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะนักพากย์ตัวละคร Kazuhira Miller หรือ Kaz แห่งซีรี่ย์ Metal Gear Solid พยายามใบ้ถึงอะไรกันแน่ เมื่อคุณ Robin โพสต์ทางทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะทำการไลฟ์สดตอบคำถามแฟนๆ ร่วมกับนักพากย์เสียง Solid Snake คุณ David Hayter เกี่ยวกับโปรเจคใหม่ที่ทั้งสองกำลังร่วมสร้างอยู่ในขณะนี้ Tomorrow Ill be going LIVE with the Boss @DavidBHayter at 2.30 PM (PDT) on @PeriscopeCo! Tune in and ask some questions...??❗ — Robin Atkin Downes (@Robin_A_Downes) October 20, 2018 ในข้อความดังกล่าวประกาศว่าการไลฟ์สตรีมตอบคำถามจะเกิดขึ้นประมาณเวลาเช้าตรู่ 4.30 น. (ตีสี่ครึ่ง) ของวันอังคารที่ 23 ตุลาคมนี้ (พร้อมกับอีโมงูและเบอร์เกอร์) แถมบัญชีทวิตเตอร์ของ Konami ยังได้ทำการแชร์ข้อความดังกล่าวอีกทางด้วย จึงยิ่งน่าเชื่อเข้าไปอีกว่าจะเกี่ยวกับเกม Metal Gear Solid ภาคใหม่หรือเปล่า?! รอติดตามข่าวความคืบหน้าได้ที่เว็บ GameFever นะจ๊ะ! (ขอบคุณข้อมูลจาก GamingBolt)
22 Oct 2018
แฟนเกมสุดขยัน สร้างฉากเปิดเกม Metal Gear Solid ภาคแรกโดยใช้ Unreal Engine 4
คนที่เคยเล่นเกม Metal Gear Solid ภาคแรกในปี 1998 น่าจะพอจำกันได้กับฉากคัตซีนเปิดเกมที่เป็น ที่ได้รับการนับถือว่ายกระดับการเล่าเรื่องภายในวีดีโอเกมขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียว ล่าสุด ศิลปินอิสระคุณ Erasmus Brosdau ได้ทำการสร้างฉากคัตซีนดังกล่าวใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นด้วยการใช้ Unreal Engine 4 ซึ่งผลออกมาเหมือนงานมืออาชีพมากๆ ทั้งๆ ที่คุณ Erasmus ใช้เพียง Asset กราฟิคที่ขายอยู่ใน Unreal Marketplace เท่านั้นในการสร้าง ไปชมผลงานกันได้เลย! (มีวีดีโอตัวดั้งเดิมให้ดูเปรียบเทียบ) https://www.youtube.com/watch?v=sdYFmnQGtbU จากที่เห็นจากวีดีโอด้านบน วีดีโอของคุณ Erasmus สร้างฉากเปิดเกมแบบแทบจะเหมือนกันเป๊ะๆ ซีนต่อซีนเลยทีเดียว จะเพิ่มเข้ามาก็มีเพียงหน้าเมนเมนูของเกมที่เค้าสร้างขึ้นมาใหม่ให้เข้ากับกราฟิคสมัยใหม่ และเสียงประกอบที่ทำการเกลาคุณภาพให้ดีขึ้นเท่านั้น https://www.youtube.com/watch?v=vj6plOoDl_s
07 Sep 2018
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Metal Gear Solid"
ลือ! Metal Gear Solid 3 Remake กำลังถูกพัฒนาโดย Virtuos อยู่จริง!
ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานออกมาว่า Metal Gear Solid 3 กำลังถูกทำการ Remake โดยบริษัท Virtuos ในสิงคโปร์อยู่ แต่เนื่องจากยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการโดย Konami เลยไม่มีใครทราบว่ารายงานดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน แต่จาก LinkedIn ของสมาชิกผู้ก่อตั้ง Virtuos ล่าสุด ดูเหมือนเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเรื่องจริงพบโดยผู้ใช้งาน Twitter ชื่อ FaizShaikh7681 หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Virtuos ได้ใส่รายละเอียดใน Profile ของเขาว่า 'ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 - กลางปี 2019 เขาได้มีโอกาสช่วยพัฒนาเกม Action-Adventure Remake ระดับ AAA ที่จะลงให้กับทุกเครื่อง และสามารถเล่นได้ด้วยความละเอียด 4K' โดยเป็นไปได้ว่าเกมที่พูดถึงดังกล่าวอาจหมายถึง Metal Gear Solid 3 Remake แม้ว่าไม่มีอะไรสามารถยืนยันว่าโปรเจกต์ดังกล่าวคือ Metal Gear Solid 3 Remake จริงๆ หรือไม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียวที่จะเป็นเกมดังกล่าวจริง แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ก็หมายความว่าเรากำลังจะได้เห็นเกม Action-Adventure ระดับ AAA สักเกมหนึ่งที่เป็นฉบับ Remake ในอนาคตดันใกล้นี้ ต้องรอดูกันต่อไปSo Virtuos Studios Working on Remake According to this LinkedIn Profile, Probably Metal Gear Solid 3... Previously It's been reported by @AndyPlaytonic.- AAA Action Adventure Remake- Looks like Ground up Remake- 4k For Certain Platform@bogorad222 pic.twitter.com/HpAUk0PgkT— Faizan Shaikh (@FaizShaikh7681) October 10, 2021 Credit : GamingBolt
11 Oct 2021
ลาก่อนเกมในวันวาน!? Metal Gear Solid 5 เตรียมปิดเซิร์ฟเวอร์ของ PS3 กับ Xbox 360 แล้ว
น่าจะเป็นข่าวที่น่าเศร้าของแฟน Metal Gear นะครับ เพราะโพสต์ล่าสุดของทาง Konami ได้ระบุไว้ว่าเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ของ Metal Gear Solid 5 สำหรับเครื่อง PS3 กับ Xbox 360 จะปิดตัวลงในต้นปีหน้าแล้ว ถ้าเพื่อนๆ อยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าลิงก์นี้ไปอ่านได้เลยครับในโพสต์ระบุไว้ว่า ในวันที่ 30 พฤศจิกายนตัว DLC สำหรับโหมดออนไลน์จะเลิกวางขาย จากนั้นในวันที่ 1 มีนาคม ปีหน้า ตัวเกมจะไม่สามารถซื้อได้บนแพลตฟอร์ม PS3 กับ Xbox 360 และสุดท้าย ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2022 ตัวเซิร์ฟเวอร์จะหยุดทำการทันที ถึงมันจะเป็นเรื่องน่าเศร้าแต่สำหรับผู้เล่นที่ออนไลน์บนเครื่อง PS4 กับ Xbox One และ PC ยังคงวางใจแล้วเพลิดเพลินไปกับโหมดออนไลน์ได้อีกระยะนึงครับ ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์ในวันวานก็ย้อนกลับไปเล่นกันได้นะครับCredit : GamingBolt
01 Sep 2021
Ikuya Nakamura หนึ่งในผู้พัฒนา Metal Gear Solid กำลังเริ่มทำงานใหม่ที่ Konami ยังไม่ประกาศ
อย่างที่เป็นข่าวใหญ่และรู้กันดีในวงการเกม ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Konami ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้ หลังจากการประกาศลาออกอย่างเป็นทางการของ Hideo kojima ผู้ให้กำเนิดเกมในซีรีส์ Metal Gear Solid แน่นอนว่าเรารู้ดีว่าผู้กำกับเกมคนเก่งคนนี้ได้ออกมาตั้งสตูดิโอของตัวเอง และประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แต่...แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับผู้พัฒนาคนอื่นๆ ใน Konami กันบ้างล่ะ?สำหรับผู้พัฒนาที่ฝ่าฟันอุปสรรคกับทาง Konami ในซีรีส์ Metal Gear Solid มาอย่างโชกโชนอย่าง Ikuya Nakamura ก็ได้กล่าวในเชิงที่ว่าตนนั้นกำลังเริ่มงานในเกมใหม่ ที่ยังไม่ได้ประกาศผ่าน Reddit อย่างเป็นทางการ ผ่านทางไบโอของ Twitter ส่วนตัว ซึ่งจากประวัติของเขาที่เป็นนักเขียนและนักออกแบบเกม โดยมีผลงานชิ้นสุดท้ายของเขาเลยก็คือ Metal Gear Survive ก็ทำให้ข่าวนี้น่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างมากเลยว่า งานชิ้นต่อไปของเขานั้นจะเป็นอย่างไรข่าวลือบางส่วนที่หลุดออกมาก็ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับว่า มันอาจจะเป็นการฟื้นฟู Metal Gear Solid ก็เป็นได้ ในขณะที่บางข่าวก็บอกว่าไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็น Silent Hill ภาคใหม่ที่มีโหมดผู้เล่นหลายคน ซึ่งหนึ่งในทีมที่อาจเข้ามาพัฒนาเกมเลยก็อาจเป็น Bloober Team ผู้พัฒนา The Medium และ Layers of Fear ก็เป็นได้อย่างไรก็ดีทั้งหมดนี้ก็ยังคงเป็นเพียงข่าวลือที่อาจจะเป็นความจริง หรืออาจจะเป็นเพียงแค่ความน่าจะเป็นที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวกันต่อไปอย่างใกล้ชิดนะคะCredit: GamingBolt
30 Aug 2021
หนังสือแรงบันดาลใจในการสร้างเกมของ Hideo Kojima ขายปลายปีนี้!
Hideo Kojima ถือว่าเป็นหนึ่งในพัฒนาเกมจากแดนปลาดิบ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการ โดยผลงานล่าสุดของเขา Death Stranding ที่วางจำหน่ายไปในปี 2019 หรือ Metal Gear Solid ภาคต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาทั้งสิ้น ที่นี่ทุกคนเคยสงสัยหรือไม่ว่า แรงบันดาลใจในการสร้างเกมของเขามาจากไหน? "The Gifted Gene and My Lovable Memes" คือหนังสือที่เขียนโดยตัวคุณ Hideo Kojima เอง ซึ่งมันได้เล่าถึงสิ่งต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเกมของเขา ซึ่งในตอนแรกหนังสือเล่มนี้มีแต่แบบภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น โดยถือเป็นข่าวดีสำหรับคนที่อยากอ่านหนังสือเล่มนี้ เมื่อล่าสุด VIZ Media ประกาศว่าจะมีการออกหนังสือเล่มนี้เวอร์ชันภาษาอังกฤษในชื่อ "The Creative Gene: How books, movies, and music inspired the creator of Death Stranding and Metal Gear Solid." ในวันที่ 12 ตุลาคม 2021 เห็นว่าในหนังสือเล่มนี้จะมีช่วงการพูดคุยระหว่างคุณ Kojima กับ Gen Hoshino ผู้แต่งเพลง "Pop Virus" ใน Death Stranding ด้วย Credit: https://www.siliconera.com/hideo-kojima-book-the.../
22 Feb 2021
หนังสือแรงบันดาลใจในการสร้างเกมของ Hideo Kojima ขายปลายปีนี้!
Hideo Kojima ถือว่าเป็นหนึ่งในพัฒนาเกมจากแดนปลาดิบ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการ โดยผลงานล่าสุดของเขา Death Stranding ที่วางจำหน่ายไปในปี 2019 หรือ Metal Gear Solid ภาคต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาทั้งสิ้น ที่นี่ทุกคนเคยสงสัยหรือไม่ว่า แรงบันดาลใจในการสร้างเกมของเขามาจากไหน? "The Gifted Gene and My Lovable Memes" คือหนังสือที่เขียนโดยตัวคุณ Hideo Kojima เอง ซึ่งมันได้เล่าถึงสิ่งต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเกมของเขา ซึ่งในตอนแรกหนังสือเล่มนี้มีแต่แบบภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น โดยถือเป็นข่าวดีสำหรับคนที่อยากอ่านหนังสือเล่มนี้ เมื่อล่าสุด VIZ Media ประกาศว่าจะมีการออกหนังสือเล่มนี้เวอร์ชันภาษาอังกฤษในชื่อ "The Creative Gene: How books, movies, and music inspired the creator of Death Stranding and Metal Gear Solid." ในวันที่ 12 ตุลาคม 2021 เห็นว่าในหนังสือเล่มนี้จะมีช่วงการพูดคุยระหว่างคุณ Kojima กับ Gen Hoshino ผู้แต่งเพลง "Pop Virus" ใน Death Stranding ด้วย Credit: https://www.siliconera.com/hideo-kojima-book-the.../
22 Feb 2021
ผู้ให้เสียงพากย์ Metal Gear Solid มีการรวมตัวอีกครั้ง เป็นสัญญาณถึงอะไรรึเปล่า?
ตั้งแต่การวางจำหน่ายของ Metal Gear Survive ในปี 2018 เชื่อว่าแฟนๆ ซีรีส์ที่รักเกมนี้มากๆ น่าจะกำลังเป็นห่วงอนาคตของซีรีส์อยู่ เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวสารอะไรเกี่ยวกับภาคใหม่ของซีรีส์ออกมาอีกเลย แต่อะไรๆ ก็อาจจะเปลี่ยนไปแล้วครับ เมื่อล่าสุดเหล่าผู้ให้เสียงเป็นตัวละครต่างในเกม ได้มีการรวมตัวกันอีกครั้งแบบออนไลน์! David Hayter ผู้ให้เสียงเป็น Solid Snake ได้โพสต์ข้อความผ่าน Twitter ว่า เขาเพิ่งจะมีการประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้ให้เสียงพากย์เป็นตัวละครหลักต่างๆ ในซีรีส์ไป แถมยังมีการเขียนในตอนจบด้วยว่า "ข้อมูลเพิ่มเติมจะมาเร็วๆ นี้" ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะเป็นเกมภาคใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ตามจากรูปที่ David Hayter ปล่อยออกมาด้วย แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขาประชุมกันผ่านโปรแกรม Zoom ซึ่งรับรู้ได้เลยว่าเป็นการประชุมแบบไม่ทางการนัก ดังนั้นคิดว่า Konami อาจไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นอาจประกาศเร็วๆ นี้ ที่ David เขียนมา คิดว่าคงไม่ใช่เกมภาคใหม่ครับ แต่จะเป็นอะไรก็ต้องติดตามต่อไป Look who I’ve been hanging out with. An epic reunion with the #MetalGearSolid cast to rock your world. Details coming soon.@CTBsocial @joshkeaton @LoriAlan1 @christophran@Robin_A_Downes @CamClarkeVoices @4pauleiding@missmaewest @jhaletweets pic.twitter.com/jbff9Uy6k4 — David Hayter (@DavidBHayter) January 21, 2021 Credit: GamingBolt
25 Jan 2021
ประวัติ Hideo Kojima บิดาผู้สร้าง Metal Gear อัจฉริยะของวงการเกม
เหล่าเกมเมอร์เองก็น่ารู้จักนักพัฒนาในอุตสาหกรรมเกมโลกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก กับบิดาผู้สร้างเกมซีรีส์ Metal Gear อย่างคุณ Hideo Kojima (ฮิเดโอะ โคจิมะ) กับการยกย่องให้เขาคือคนที่สร้างเกมที่เต็มไปด้วยคุณภาพคับแก้ว ที่แต่ละเกมที่สร้างไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะความเป็น Perfectionist และความอยากที่จะผลักดันอะไรใหม่ๆ ให้กับวงการเกมนั่นเอง ซึ่งในวันนี้เรา GameFever TH ได้เอาประวัติของชายคนนี้มาฝากกันครับ ว่าความเป็นมาของเขาเป็นอย่างไร กว่าที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้เราต้องพบเจออะไรมาบ้าง เราไปชมกันเลย !! ฮิเดโอะ โคจิมะ เปิดคนสัญชาติญี่ปุ่นเกิดเมื่อปี 1963 ณ แขวงเซตากายะ จังหวัดโตเกียว แต่เมื่อตอนที่เขาอายุ 4 ปีครอบครัวของเขาได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่โอซาก้า โดยตัวโคจิมะนั้นมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งครอบครัวของเขานั้นมักจะมีกิจกรรมยามว่างกันทุกๆ คืนคือการดูภาพยนต์ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ขนาดที่ว่าถ้าหนังไม่จบเขาห้ามไปนอนเลยทีเดียว พอโตมาหน่อยครอบครัวของโคจิมะได้ย้ายบ้านอีกครั้งมาอยู่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองชิราซากิ แต่ไม่นานเขาก็ย้ายอีกครั้ง ไปที่เมืองคาวานิชิเฮียวโกในภูมิภาคคันไซ ซึ่งชีวิตเขาก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อพ่อของเขานั้นได้เสียชีวิตลงตอนอายุ 13 ปี ทำให้ครอบครัวของเขานั้นยากจนลง เขาเลยต้องกลายเป็นเด็กที่ดูแลตัวเองมากขึ้น และจะต้องดูแลเรื่องของตัวเองหลังกลับจากโรงเรียนทุกวัน นิยามที่เรียกโคจิมะในวัยเด็กนั้นคือเด็กกุญแจบ้าน ที่ครอบครัวไม่มีใครอยู่จะต้องไขประตูบ้านด้วยตัวเอง ต้องดูแลตัวเองนั่นเอง พอโตมามันเลยทำให้เขานั้นเวลาไปพักโรงแรมไหนๆ หรือไปเที่ยว เขาจะต้องเปิดทีวีทันทีเพื่อแก้ปมอาการเหงาตั้งแต่เด็ก แรกเริ่มตัวเขานั้นมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นศิลปินคนสร้างภาพยนต์ หรือผู้วาดภาพประกอบ แต่เขารู้สึกท้อแท้จากแรงกดดันของบรรทัดฐานทางสังคมที่นิยมความมั่นคง ทำงานมีเงินเดือนมากกว่าการแสวงหาความคิดสร้างสรรค์ เพราะลุงของเขาเองก็เป็นศิลปินที่พยายามหาเงินเลี้ยงชีพแบบนี้นั่นเอง ในวัยเด็กเขาเริ่มเรียนเศรษฐศาสตร์ ขณะเดียวกันก็เขียนเรื่องสั้นในเวลาว่างอีกด้วย โดยตัวเขานั้นก็ส่งเรื่องสั้นไปยังนิตยสารต่างๆ แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ถูกตีพิมพ์ ซึ่งภายหลังโคจิมะอ้างว่าเรื่องสั้นของเขามักจะยาวกว่า 400 หน้า ในขณะที่เรื่องสั้นทั่วไปมักจะยาวแค่ 100 หน้าเท่านั้น ซึ่งในที่สุดเขาก็เปลี่ยนความคิดมาสร้างภาพยนต์กับเพื่อนที่มีเพียงแค่กล้อง 8มม. ตัวเดียว จุดเปลี่ยน โคจิม่าเปิดเผยว่าขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัย เขาพบว่าตัวเองเล่นวิดีโอเกมในช่วงเวลาว่าง ซึ่งเมื่อก่อนก็มักจะเป็นเกม Famicom ของทาง Nintendo ซึ่งนี่แหละอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาชอบเกมขึ้นมา เพราะพอทางโคจิมะเรียนถึงปีที่ 4 ตัวเขาประกาศให้คนรอบข้างรู้ว่าเขาต้องการที่จะทำงานในอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาเองมีความฝันอยากเป็นผู้กับภาพยนตร์นั่นเอง เพราะเขารู้สึกว่าวิดีโอเกมจะทำให้เขาสมปราถนามากกว่า และเป็นไปตามคาดที่ว่าเหล่าเพื่อนๆ ของเขาไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะก้าวมาทำงานสายนี้ เนื่องจากวิดีโอเกมมันเป็นสื่อใหม่ที่ยังไม่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องของการหารายได้ แต่ถึงอย่างนั้นแม่ของเขาก็ยังสนับสนุนเขาเต็มที่และทำให้ทางโคจิมะมั่นใจกับการก้าวไปในสู่เส้นทางอาชีพของเขา รวมถึงโคจิมะเล่าว่าอุตสาหกรรมนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกจากโรงเรียนมา และรู้สึกว่าเกมจะเสนอโอกาสให้เขาอีกครั้ง ซึ่งโคจิม่าพบคนจำนวนมากที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน มันเลยทำให้พวกเขานั้นมีการผูกพันธ์กันในแง่หนึ่ง โคจิมะอ้างว่าเกมที่ทำให้เขาตัดสินใจอยากจะเป็นผู้พัฒนาเกมก็คือ Super Mario Bros. ของคุณชิเงรุ มิยาโมโต้ และ The Portopia Serial Murder Case ของคุณ ยูจิ โฮริอิ รวมถึงการดีไซน์เกม Openworld ที่มีอิทธิพลสำหรับเขาคือเกม Hydlide รวมถึงได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมต่างๆ มากมายด้วย เข้าสู่ Konami โคจิมะได้เข้าร่วมเป็นผู้ผลิตเกมให้กับบริษัท Konami ในปี 1986 ในฐานะนักออกแบบและวางแผน ซึ่งตัวเขานั้นรู้สึกผิดหวังกับงานที่ได้รับมอบหมาย เพราะจริงๆ แล้วเขาต้องการที่จะทำงานกับทาง Nintendo หรือเกมอาร์เคตมากกว่า แต่ว่าโคจิมะรู้สึกว่าระบบต่างๆ ของ Nintendo ดูเข้มงวดจนเกินไป ในตอนแรกเริ่ม แนวคิดไอเดียสร้างเกมของโคจิมะนั้นมักจะถูกทาง Konami ปัดตกไปช่วงแรกๆ เพราะเขานั้นไม่ชำนาญทักษะในการเขียนโปรแกรม ซึ่งทำให้ในปีแรกๆ เขาล้มเหลวถึงขนาดที่อยากจะออกจากบริษัท แต่เขาก็ยังอดทนอยู่ต่อ โดยเกมแรกที่เขาทำก็คือเกม Penguin Adventure ภาคต่อของ Antarctic Adventure ที่เขาได้ไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในเวลานั้น แต่เกมแรกที่เขาพัฒนานั้นชื่อว่า Lost Warld ที่จะลงให้กับเครื่อง MSX ในปี 1986 แต่อย่างไรก็ตามเกมนี้ก็ถูกหัวหน้าเขาปัดตกไป <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/05kTZArlAtI" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> ต่อมาทาง Kojima ได้ถูกขอให้รับช่วงต่อโครงการ Metal Gear จากซีเนียร์ระดับสูง โดยเกมนี้ตั้งใจที่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ของทหารในยุคปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นด้วยองค์ประกอบด้านฮาร์ดแวร์เครื่องที่จะลงนั้นมีจำกัด เพราะ มันอาจจะทำได้ยากถ้าหากจะให้เกมๆ หนึ่งมีกระสุนยิงสาด หรือศัตรูแห่เข้ามามากมาย เขาจึงได้คิดไอเดียในการทำให้เกมกลายเป็นแนวต่อสู้กับศัตรูเพื่อหลบเลี่ยงจากการถูกจับแทน หรือเกมแนวลอบเร้นอย่างที่เรารู้จักกัน โดยมันได้รับแรงบรรดาลใจมาจากหนังเรื่อง The Great Escape นั่นเอง ในช่วงแรกๆ โปรเจกต์นี้ใช้ชื่อว่า Intruder ตอนพัฒนา และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Metal Gear นั่นเอง โดยตัวเกมถูกปล่อยลงบนเครื่อง MSX2 ในญี่ปุ่นและยุโรป และเกม Metal Gear นี้ภายหลังได้ถูกนำไปลงเครื่อง NES ของทาง Nintendo แต่ตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำโปรเจกต์นี้และเขาเองก็แสดงออกถึงความไม่ชอบใจและวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของเกม มีการแปลที่ไม่ค่อยดี และไม่มีการต่อสู้กับ Boss ด้วยอาวุธพิเศษ <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/VlbjV5uE2mA" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> โปรเจกต์ต่อไปของเขาที่ทำคือเกมแนว Graphic Adventure อย่าง Snatcher เกมได้รับอิทธิพลจากนิยายวิทยาศาสตร์ไซเบอร์พังค์เช่น Akira, Blade Runner, The Terminator และ Bubblegum Crisis ที่เนื้อเรื่องจะตั้งอยู่ในช่วงหลังการล่มสลายของโลก ดำเนินเรื่องโดยนักสืบความจำเสื่อมที่จะต้องเผชิญกับเผ่าพันธ์ Cyborgs โดยทางโคจิม่าและทีมเป็นฝ่ายที่เขียนเรื่องราวทั้งหมดของเกม แต่พวกเขานั้นถูกบังคับให้ออกจากโปรเจกต์ในข่วงขั้นตอนสุดท้ายเนื้อจากข้อจำกัดด้านเวลา แต่ตัวเกมดังกล่าวนั้นก็ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก ในการผลักดันเกี่ยวกับการเล่าเรื่องวิดีโอเกมมีการตัดต่อฉากภาพยนตร์และเนื้อเรื่องสำหรับผู้ใหญ่ รวมถึงยังได้รับการยกย่องในด้านกราฟิก และเสียงประกอบที่มีคุณภาพสูงเทียบเท่านวนิยาย ภาพยนตร์ หรือวิทยุเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องยอดขายของเกมนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้า เพราะว่าตัวเกมถูกจำกัดการเข้าถึงด้านอายุ เลยขายได้เพียงแค่ 2-3000 ชุดเท่านั้น <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/9Ij_Oo4zIVI" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> ในปี 1990 โคจิมะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการผลิตสองเกมคือ SD Snatcher ที่เป็นเกมภาค Spinoff ของภาคก่อนหน้า และเกมภาคต่อของซีรีส์ชื่อดังอย่าง Metal Gear 2: Solid Snake ที่ได้ทำการพัฒนารูปแบบของเกมให้ก้าวขึ้นไปกว่าภาคที่แล้วอย่างการที่ผู้เล่นมีความสามารถมากขึ้นอย่างการหมอบคลานเข้าไปในจุดซ่อนเร้น หรือท่อระบายอากาศ รวมถึงด้าน AI ศัตรูเองก็มีความฉลาดมากขึ้นที่สามารถมองเห็นได้ถึง 45 องศา มีการตรวจจับเสียงต่างๆ นาๆ มากมาย <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/awUmGQYWs54" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> จริงๆ แล้วเกม Metal Gear ภาคสอง แรกเริ่มจะใช้ชื่อว่า Snakes Revenge ที่ทางโคนามิเองกะจะสร้างโดยที่ไม่ได้คิดจะให้โคจิมะเข้ามามีส่วนร่วม แต่ทางโคจิมะเองก็ได้สอบถามกับทีมงานที่ทำเกมนี้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งพอได้คำตอบว่าเป็นเรื่องจริงเขาจึงได้ทำแผนสร้าง Metal Gear 2: Solid ขึ้นมา และลงให้กับเครื่อง MSX2 ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนทางฝั่งยุโรปกว่าจะได้เล่นเกมนี้ก็ปาเข้าไปปี 2006 เลยทีเดียว หลังจากที่โคจิมะเองได้ทำเกมอื่นๆ ประปรายอยู่บ้าง แต่ขณะเดียวกันในปี 1994 เขาเองก็กำลังซุ่มพัมนาเกม 3D ตัวแรกที่เป็นภาคต่อของเกม Metal Gear 2: Solid Snake ซึ่งนั่นก็คือเกม Metal Gear Solid อันเลื่องลือที่เรารู้จักกัน โดยตัวเกมได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Game Show และ E3 1997 จนสุดท้ายได้ปล่อยตัวเกมจริงออกมาให้เราเล่นในปี 1998 บนเครื่อง PlayStation 1 <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/CENrUmidpcg" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> หลังจากปล่อยเกมภาคนี้ออกมา ทำให้ทางโคจิมะได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในด้านของวิดีโอเกม เพราะ Metal Gear Solid เป็นเกมแรกในซีรีส์นี้ที่ใช้กราฟิก 3D และการแสดงด้วยเสียงที่มันให้ประสบการณ์การรับชมคล้ายๆ กับภาพยนตร์มากกว่าเกมเลยทีเดียว รวมถึงยังได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเกมการเล่นที่ออกแบบมาได้อย่างดี รวมถึงเนื้อเรื่องของเกมที่เป็นจุดเด่น ซึ่งทางโคจิมะเองก็ได้ทำการสร้างภาคต่อของเกมซีรีส์นี้ออกมามากมาย ขนาดเคยได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมจากหลายๆ สื่อมาแล้ว รวมถึงเกม Metal Gear Solid 4: Guns of the Patriots ยังได้รับรางวัล Game of the Year จากทาง Japan Game Awards รวมถึงโคจิมะเองยังได้รับการกล่าวขานเกี่ยวกับการสร้างเกมที่เน้นความ Perfectionist แต่ละเกมที่ทำมักจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเกมมากมาย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการออกจาก Konami ในปี 2012 ทางโคจิมะได้ทำการพัฒนา Fox Engine ของตัวเองเสร็จสิ้น รวมถึงเขายังเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขานั้นอยากจะสร้างเกม Silent Hill ด้วย Engine ตัวนี้เหลือเกิน เพราะมันน่าจะสามารถมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของกราฟิกและศัตรูที่โดดเด่นได้ ซึ่งทางประธานของ Konami เองก็เห็นด้วยและประกาศให้ทางโคจิมะสร้างเกมนี้ ในปี 2014 เดโมของเกม Silent Hill ก็ได้ปล่อยออกมาให้ทุกคนได้ลองเล่นโดยใช้ชื่อว่า P.T. ซึ่งมันได้รับการกล่าวขานถึงความน่ากลัวเป็นอย่างมาก กับการที่เราจะได้เข้าไปอยู่บ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงัดและวังเวง พร้อมกับฉากตกใจที่ทำมันเป็นกระแสไวรัลอย่างมากในสมัยนั้น และเดโมตัวเล็กๆ อย่าง P.T. นี้ทำให้กระแสเกมแนว Horror กลับมาบูม รวมถึงยังมีเกมอินดี้มากมายที่สร้างเกมแนวนี้ออกมาอย่างล้นหลาม และใช้แบบพิมพ์ของ P.T. มาพัฒนาต่อ รวมถึงในตัวอย่างของเกมยังได้ Norman Reedus นักแสดงจากเรื่อง The Walking Dead มาร่วมแสดงด้วย https://www.youtube.com/watch?v=Ay_RAkE7bUY คลิปเกมเพลย์ P.T. (เตือน !! น่ากลัวมาก) https://www.youtube.com/watch?v=r6NCC-nnvMU แต่ในขณะเดียวกัน !! ทางโคจิมะก็กำลังติดกับโปรเจกต์ภาคต่ออย่าง Metal Gear Solid V: The Phantom Pain ที่จะเป็นภาคจบและสรุปทุกสิ่งทุกอย่างของเกม แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายมีข่าวว่าเขาได้หยุดการเข้าไปมีส่วนร่วมกับงานนี้ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำงาน ซึ่งมีคนกังวลว่าเขานั้นจะออกจากบริษัท และมันก็เป็นเรื่องจริงเพราะรายงานของค่ายได้ออกมาบอกว่าโคจิมะจะไม่อยู่กับ Konami แล้วหลังจากที่เกมนี้วางจำหน่าย ซึ่งหลายๆ คนเองก็ต่างพากันสงสัยว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เพราะทางโคจิมะเองก็เป็นคนที่อยู่กับ Konami มาตั้งแต่เขาทำงานใหม่ๆ แต่เหมือนว่าความจริงก็เปิดเผยว่าพวกเขานั้นมีปัญหากันเนื่องจากที่เกม Metal Gear Solid V: The Phatom Pain ได้รับรางวัลเกม Action ยอดเยี่ยมในงาน The Game Awards 2015 แต่ทางโคจิมะไม่สามารถมาเข้าร่วมได้เนื่องจากทาง Konami ผู้ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เกมนี้ได้สังห้ามนั่นเอง ในขณะเดียวกัน Kojima Production ที่เป็นสตูของเจ้าตัวก็ได้ปิดตัวลงไปด้วย https://www.youtube.com/watch?v=Krc1t4HU8GI แต่ในเดือนเดียวกัน !! ทางบริษัท Kojima Production ได้ทำการรับสมัครพนักงานอีกครั้ง ในฐานะสตูดิโออิสระที่จะทำงานร่วมกับทาง Sony Computer Entertainment และได้เปิดตัวโปรเจกต์เกมใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Death Stranding ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกบนงาน E3 2016 รวมถึงยังได้ Norman Reedus กลับมาร่วมงานอีกครั้ง รวมถึงยังมีนักแสดงอื่นๆ อย่าง Mads Mikkelsen, Margaret Qualley หรือผู้กำกับหนัง Pacific Rim ภาคแรกอย่าง Guillermo del Toro ก็ร่วมแสดงในเกมนี้เช่นกัน <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/i2nuHEGhwiw" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe> ทุกวันนี้เกม Death Stranding ก็ได้วางจำหน่ายออกมาเป็นปีแล้ว ถึงแม้ว่าตัวเกมอาจจะเข้าถึงยากไปนิด แต่ก็ต้องยอมรับในเรื่องของความแปลกใหม่ของเกม และเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้อย่างดีงามมากๆ และได้คะแนนจากนักวิจารณ์ไปมากถึง 83/100 คะแนนเลยทีเดียว (อ้างอิงจากเว็บไซต์ Metacritic)
17 Aug 2020
Jordan Vogt-Roberts พยายามผลักดัน Metal Gear Solid ออกมาในแบบฉบับการ์ตูน !!
จากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะทำภาพยนตร์จากเกม Metal Gear Solid ออกมา แต่ก็มีท่าทีว่าจะไม่สำเร็จ ล่าสุดได้มีการเคลื่อนไหวออกมาว่าจะจัดทำออกมาในรูปแบบของการ์ตูน !! คุณ Vogt-Roberts ได้ทำงานบนโปรเจคนี้มาอย่างยาวนานเกือบ 6 ปี เขาได้มีการวางในการจัดซีรี่ส์การ์ตูนนี้ออกมาในรูปแบบอนิเมชั่นที่มีการใส่เสียงพากย์ของ David Hayter เข้าไปด้วย แต่การดำเนินโปรเจคในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสำเร็จในเวลาที่รวดเร็วได้ ทั้งที่มีรายชื่อของนักแสดงบทบาทของ Solid Snake แล้ว เพราะผู้กำกับได้กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการนำโปรเจคนี้เข้าสู่ Hollywood studio ต่อให้การทำงานของเขาจะเนิ่นนานมาถึง 6 ปีเขายังคงยืนยันที่จะต่อสู้กับงานนี้ต่อไปอาจจะมีการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบเพื่อให้สามารถนำผลงานออกมาสู่ท้องตลอดได้ ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบของภาพยนตร์มาเป็นการ์ตูนอาจจะมีแน้วโน้มที่เป็นไปได้มากกว่า ก็ไม่แนjว่าเราอาจจะได้เห็นเซอร์ไพร์สของ Metal Gear Solid มาในรูปแบบภาพยนตร์ก็ได้ Credit: Pcgamer
03 Jul 2020
Hideo Kojima บอกใบ้ถึงเกมใหม่ของเขาที่กำลังจะทำ!
Hideo Kojima ผู้สร้างเกม Death Stranding และซีรีส์เกม Metal Gear Solid ยอดฮิตได้ออกมาพูดถึงแนวคิดเกมต่อไปของเขาในตอนนี้ แม้ว่าคงจะอีกสักพักหนึ่งเราถึงจะได้เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่างก็ตาม Kojima ได้ร่วมมือกับ Art director อย่าง Yoji Shinkawa เพื่อทำเกมใหม่ของพวกเขา Kojima เล่าว่าเขาได้พูดคุยกันผ่านอีเมลเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ของเกมนั่นรวมถึง "ตัวละครแต่ละตัว, ลักษณะบทบาท, และ Keywords" ในอีกโพสต์บน Twitter เขาได้พูดถึงเพลงที่ฟังขณะทำงานกับแนวคิดเกมต่อไปของเขา Kojima Productions ได้กล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะทำงานในโปรเจคใหม่หลายโปรเจค ซึ่งหนึ่งในนั้นจะเป็นเกม "ใหญ่" Kojima เองก็ได้พูดเกี่ยวกับที่เขาต้องการจะทำมันเป็นแนว Horror ในขณะเดียวกัน นักแสดง Norman Reedus ยังกล่าวอีกว่าเขากับ Kojima พูดคุยกันเพื่อทำงานใหม่ๆ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้เห็นเขา อยู่ในเกมต่อไปของคุณ Kojima ด้วยก็เป็นได้ครับ Heres my way of designing new title w/Yoji. 1st we discuss the setting for each character, the background, the world, the color, the characteristics, the roles, the images, ideas and keyword going back&forth via E-mail. WFH & 20 mins direct discussion. Mostly texting via iPhone. pic.twitter.com/XCYpFwsQ6U — HIDEO_KOJIMA (@HIDEO_KOJIMA_EN) June 26, 2020 Working on the concept with listening to “OASIS” by Kitaro I recently bought. I(I used to have the vinyl) Love the illustration by Shusei Nagaoka. pic.twitter.com/hRLyZmnhe5 — HIDEO_KOJIMA (@HIDEO_KOJIMA_EN) June 27, 2020 Credit: Gamingbolt
29 Jun 2020
10 สุดยอดสุนัขจากวิดีโอเกม
ในเกมต่างๆ เราจะได้เห็นเผ่าพันธุ์บรรดาสัตว์มากมายในเกมใช่ไหมครับ แต่หนึ่งในสัตว์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในวีดีโอเกมก็คงไม่พ้นเหล่าสุนัขที่มีเยอะมากในวีดีโอเกม จะมีหลายแบบทั้งพวกดุร้ายที่เป็นศัตรู หรือคู่หูเพื่อนร่วทาง ซึ่งวันนี้ผมจะพาผู้อ่านมารู้จักกับ 10 สุดยอดสุนัขจากเกมต่างๆ จะมีตัวละครไหนที่ถูกใจกันบ้างมาดูกันครับ. 1.KK Slider จากซีรี่ส์ Animal Crossing ผลโหวตเลือก KK Slider ให้เป็นสุนัขที่ดีที่สุดใน Animal Crossing เพราะตัวละครนี้นอกจากจะอยู่กับผู้เล่นมาตั้งแต่ภาคแรกๆ แล้วเขายังมีสเน่ห์ในการใช้คำพูดที่นุ่มนวลและขับร้องเพลงที่ไพเราะมากกว่า 90 เพลงนับตั้งแต่ภาค New Leaf! เขายังเป็นตัวละครสุนัขที่ไม่เหมือนใครครับเพราะเขาสามารถเปิดคอนเสิร์ตและมอบความสนุปให้กับผู้คนบนเกาะอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย. 2.Dogmeat จากซีรี่ส์ Fallout 4 Fallout เป็นซีรี่ส์ที่ทำให้ชาวเกมหลงรักกันมายาวนานอยู่พักใหญ่ๆ และยังมีเจ้าหมา Dogmeat หนึ่งในตัวละครที่โดดเด่น มันปรากฏตัวในเกมครั้งแรกเมื่อปี 1997 และยังคงออกมาให้เห็นอยู่ในเกมแทบทุกภาคจนมาถึงภาค 4 โดยแฟนๆ เกมนี้รักสุนัขตัวนี้มาก ถึงขนาดที่ว่าถ้าเจ้าหมาตายผู้เล่นจะยอมย้อนกลับไปเล่นใหม่ ซึ่งนั่นหมายความว่าเป็นการยกเลิกเซฟที่เล่นมาหลายชั่วโมงเลยครับ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ มีความสุขมากๆ ใน Fallout 4 เพราะเจ้าหมา Dogmeat นั้นไม่สามารถตายได้มันจะอยู่กับเราจนจบเกมครับ. 3.The Dog จากเกม Fable II เจ้าหมาแห่ง Fable II เป็นที่เหล่าเกมเมอร์รู้ดีกันครับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ใหญ่ที่สุดในเกม สุนัขตัวนี้จะเป็นเพื่อนรักและผู้ติดตามของเราไปตลอดเกมยอมสู้ตัวตายเพื่อปกป้องเราเวลาต้องสู้กับ BOSS ซึ่งเมื่อจบเกมผู้เล่นจะสามารถเลือกรางวัลใหญ่ได้ 3 ทาง คือ 1.เงินทองมหาศาล 2.ฟื้นชีวิตคนที่ตายให้กลับมา 3.ชุบเจ้าหมาของเรา แล้วผู้อ่านคิดว่าส่วนใหญ่เหล่าเกมเมอร์จะเลือกข้อไหนครับ555. 4.Sif จากเกม Dark Souls การต่อสู้ที่ดุเดือดแต่แฝงไปด้วยบรรยากาศที่หดหู่ บรรยากาศของมิตรภาพในวันวาน เมื่อผู้เล่นต้องจัดการกับหมาป่าที่ปกป้องหลุมศพของสหายผู้ล่วงลับ ที่สำคัญคือนักออกแบบหมาป่าตัวนี้ทำมันออกมาได้ดูเท่และน่าเกรงขามมากๆ มันทั้งตัวใหญ่และคาบดาบยักษ์เป็นอาวุธ มีผู้เล่นหลายคนเผยความรู้สึกว่าถ้าเลือกได้พวกเขาจะหลีกเลี่ยงที่จะต้องสังหารมัน เพราะมันไม่ได้ต้องการทำร้ายใครก่อน เพียงแค่จะปกป้องศักดิ์ศรีและความรักที่มันมีให้ต่อสหายเท่านั้น. 5.D-Dog จาก Metal Gear Solid V ผู้เล่นซีรี่ส์ Matal Gear Solid ทุกคนล้วนตกหลุมรักเจ้า D-Dog เพราะมันออกมาอยู่ในซีรี่ส์ตั้งแต่ตอนยังเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ ที่ดูเลี้ยงโดย Snake แถมยังมีใส่ผ้าปิดตาไว้ข้างนึงเหมือนเข้านายของมันอีกด้วย นึกภาพนะครับว่าเราเห็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ เติบโตจนกลายเป็นสุนัขทหารขนเทาที่น่าเกรงขาม คอยช่วยเหลือเราในยามบุกฐานศัตรูทั้งคอยดมกลิ่น หลอกล่อ และกระโจนขย้ำศัตรูตามคำสั่งอีกด้วย. 6.Polterpup จาก Luigis Mansion 3 ใครบอกว่าผีไม่น่ารักครับ ผมขอแนะนำให้รู้จักกับวิญญาณผีน้อยอย่าง Polterpup แต่วิญญาณตนนี้ยังคงสเน่ห์ความเป็นน้องหมาอยู่ครับ เกมบางเกมมีสัตว์น่ารักมากมายที่ปรากฏมาในเกม แต่ผู้เล่นที่หลงใหลในสัตว์เหล่านั้นทำได้แค่มองและเสียดายที่ไม่สามารถนำพวกมันมาเลี้ยงได้ แต่สำหรับเกมนี้ที่ทำให้หลายๆ คนหลงรักมันก็คือผู้เล่นสามารถเลี้ยงมันได้ใน Luigis Mansion 3 ! 7.สุนัขแสนน่ารำคาญจาก Undertale เจ้าสุนัขสุดป่วนที่กลายเป็นอีกจุดเด่นของเกม Undertale มันชอบออกมาป่วนและโผล่มากวนผู้เล่นเป็นช่วงสั้นๆ แต่บ่อยครั้งตลอดทั้งเกม เช่นบางครังมันไปขโมยคาบกระดูกของ Papyrus ( ตัวละครรูปร่างกระดูกในเกม ) ซึ่งกระดูกนั้นจะทำการระเบิดเมื่อมาถึงมือเรา แล้วจะดูดไอเทมที่ผู้เล่นได้รับมาจากการไขปริศนาต่างๆ ถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหมาตัวนี้มันเกรียนและป่วนยังไงก็ต้องลองซื้อเกม Undertale มาลองเล่นกันแล้วแหละครับ555. 8.Amaterasu จาก Okami Amaterasu จะไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยง บอส หรือตัวประกอบในเกม แต่จะเป็นตัวละครที่ผู้เล่นจะต้องเล่นเป็นตัวหลัก ซึ่ง Amaterasu เป็นเทพธิดาในรูปแบบหมาป่า ซึ่งเธอมีความสามารถพิเศษมากมายเช่น หางของเธอนั้นสามารถวาดพลังงานเพื่อสร้างเป็นแสงสว่าง ความมืด หรือธาตุต่างๆ อย่าง ดิน น้ำ ไฟ ลมได้ยังมีความสามารถที่ผมไม่ขอสปอยด์อยากให้ผู้อ่านลองไปตามหาดูในเกม Okami นะครับแต่ขอรับประกันในงานภาพ และเนื้อเรื่องที่คุ้มค่ากับการเล่นมากๆ ครับ. 9.Wolf Link จาก Twilight Princess หนึ่งในตัวละครที่ดูโดดเด่นที่สุดของเกมตลอดการนั่นคือ Wolf Link ในเกม Twilight Princess ที่สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าหรือมนุษย์ก็ได้ แต่เวลาแปลงร่างเป็นหมาป่านั้นจะทำให้เขาสามารถสื่อสารกับสัตว์อื่นๆ และควบคุมมันได้ ที่สำคัญถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหมาป่าตัวที่เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่าผู้เล่นสามารถเรียกเขามาเป็นสัตว์คู่กายได้ในเกมดังอย่าง The Legend of Zelda: Breath of the Wild. 10.หมาป่าจาก Resident Evill 4 บอกเลยว่าข้อสุดท้ายนี้เกมเมอร์ยุค PS2 แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักครับ เจ้าหมาป่าตัวนี้ผู้เล่นจะพบมันในช่วงแรกๆ ซึ่งมันจะถูกกับดับสัตว์ล็อคขาอยู่ *ในส่วนนี้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะช่วย ปล่อยไว้ หรือยิงทิ้ง โดยถ้าใครที่เลือกช่วยเหลือมัน มันจะกระโดดหนีหายไปในป่า แต่จะมีสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผู้เล่นคือ เมื่อถึงฉากต้องสู้กับซอมบี้ยักษ์ เจ้าหมาตัวนี้มันจะออกมา ( บอกเลยว่าผมเล่นผมรู้สึกใจเต้นมากๆ เหมือนพระเอกเลยครับเท่ๆ มากๆ น้องหมาตัวนี้ ) และทำการล่อเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าซอมบี้ยักษ์ ทำให้ผู้เล่นสามารถเอาชนะได้ง่ายขึ้นครับ! Credit: Gamerant
19 Jun 2020
Hero’s Journey : ‘ตัวเอก’ ของชิ้นงานสร้างสรรค์ที่ดี ที่เราอยากเชียร์
เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวที่ค่อนข้างชวนช็อคในแวดวงนักอ่านและนักเขียนพอสมควร เมื่อ คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือที่รู้จักกันในนามปากกา พนมเทียน’ เจ้าของผลงานนิยายผจญภัยอมตะของไทยอย่าง ‘เพชรพระอุมา’ และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ปี 2540 ได้ถึงแก่กรรมในวัย 89 ปีด้วยโรคหัวใจ ถือได้ว่าเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงแก่แวดวงอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้ [caption id="attachment_51861" align="aligncenter" width="1024"] คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ ครูพนมเทียน เจ้าของผลงานนวนิยาย เพชรพระอุมา ผู้ล่วงลับ[/caption] สำหรับผู้เขียน เพชรพระอุมา จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ช่วย Shape เส้นทางงานตัวอักษรอยู่ไม่น้อย เพราะได้พาตัวเองไปร่วมท่องป่าล่องไพรไปกับจอมพรานอย่างรพินทร์ ไพรวัลย์และคณะ ก่อนที่จะเริ่มจับปากกาเขียนเรื่องราวของตัวเองอย่างจริงจัง แน่นอนว่าในความสมบูรณ์แบบของนวนิยายเรื่องนี้ตลอดทั้ง 48 เล่ม มันมีรูปแบบการดำเนินเนื้อหาในทฤษฎีหนึ่งอันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในทางวรรณกรรมวิจารณ์อย่าง ‘ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษ’ หรือ ‘Hero’s Journey’ ที่ถูกนำมาศึกษา และปรับใช้ในการบอกเล่าเรื่องราวผ่านสื่อแขนงต่างๆ และแน่นอน รวมถึงชิ้นงานอย่างวิดีโอเกมก็ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น ถ้ากล่าวโดยสั้นๆ มันคือการศึกษารูปแบบและลักษณะของเรื่องราวปรัมปรา ว่าแม้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยบางส่วนที่แตกต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมและโครงสร้างบางอย่างที่เหมือนกันที่สามารถจัดจำแนกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างสรุปเป็นหัวข้อได้ทั้งหมด 8 หลักใหญ่ร่วมกัน (หรือซอยย่อยออกเป็น 17 หัวข้อหลัก) ตามแผนภาพที่นำเสนอด้านล่างนี้ การศึกษาทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 1871 โดย เอดเวิร์ด เบอร์เนตต์ ไทเลอร์ ที่ทำการสังเกตว่า เรื่องราวและตำนานต่างๆ ของโลกนั้น มีจุดร่วมกันบางอย่างที่มีแบบแผนและรูปแบบที่ตายตัว ก่อนที่นักวิชาการท่านอื่นๆ จะนำเอาทฤษฎีทางจิตวิเคราะห์ของทั้ง ซิกมันด์ ฟรอยด์ และคาร์ล ยุง เข้ามาใช้ร่วมกัน แต่คนที่นำเอาทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษมาใช้อย่างจริงจังนั้น กลับเป็น โจเซฟ แคมป์เบิล ที่นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาใช้อย่างจริงจังในหนังสือ ‘วีรบุรุษพันหน้า (The Hero with a Thousand Faces) และสรุปเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญได้ดังต่อไปนี้ วีรบุรุษออกจากโลกธรรมดาไปสู่ดินแดนที่มีสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่นี้เขาจะได้พบกับสิ่งชักจูงที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ และจะได้รับชัยชนะ จากนั้นเขาจะกลับมาจากการผจญภัยอันลึกลับนี้พร้อมกับพลังที่สามารถช่วยผู้ชายคนอื่นได้ แน่นอนว่าทฤษฎีดังกล่าวนี้ แม้จะมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่พ้นข้อครหาและเสียงวิพากษ์ว่า มันเป็นแนวคิดที่กว้างเกินกว่าที่จะใช้ประโยชน์ได้ในหลักการศึกษาปรัมปราวิทยาเปรียบเทียบ แต่เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันเป็นเสาหลักหรือ Foundation ที่ดีเพียงพอสำหรับการบอกเล่าเรื่องราวในสื่อชนิดต่างๆ ตั้งแต่ตำนานการเดินทางของพระพุทธเจ้า เรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บัญญัติสิบประการของโมเสส การเดินทางไปทำลายแหวนหนึ่งเดียวของโฟรโด้ใน The Lord of the Rings และรวมถึงการเขียนเรื่องราวในสื่อแขนงใหม่อย่างเช่นภาพยนตร์ และวิดีโอเกม สำหรับสื่อวิดีโอเกมที่เติบโตและต่อยอดมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นอีกหนึ่งสื่อบันเทิงแขนงหลักในรอบสี่ทศวรรษนั้น การพัฒนาการบอกเล่าเนื้อหาก็เป็นส่วนสำคัญที่ถูกให้ความใส่ใจ และการใช้ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น ก็เป็นอุปกรณ์สำคัญในการสร้างความลื่นไหลในจังหวะการเล่น เพราะไม่ว่าจะเป็นการตามหาเจ้าหญิงพีชใน Super Mario Brothers, การผจญภัยข้ามยุคของภาคีมือสังหารในซีรีส์ Assassin’s Creed, การลุยฝ่าขุมนรกของ Doom Slayer ใน Doom Eternal, การผจญภัยของ Cloud Strife และผองเพื่อนใน Final Fantasy 7 Remake ไปจนถึงการเดินทางกอบกู้โลกหลังหายนะของ Aloy ใน Horizon Zero Dawn แต่สื่อวิดีโอเกมนั้นมีความพิเศษบางอย่างที่ทำให้ผู้สร้างต้องมีความใส่ใจกับการใช้งานทฤษฎีของวีรบุรุษที่มากกว่าสื่อบันเทิงชนิดอื่นๆ กล่าวคือ มันเป็นสื่อที่ ‘มีการตอบสนอง’ และ ‘ปฏิสัมพันธ์’ กับผู้เสพรับอย่างตรงไปตรงมา มันคือการนำพาผู้เล่นไปสวมรับกับบทบาทและควบคุมทุกสิ่งที่เป็นไปผ่านหน้าจอในตลอดระยะเวลาหลักสิบจนถึงหลักร้อยชั่วโมง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเทียบกับสื่อที่มีธรรมชาติในการปฏิสัมพันธ์กับผู้เสพรับในทางเดียวอย่างเช่นภาพยนตร์ เพราะหน้าที่หลักของผู้สร้าง ไม่เพียงแต่จะต้องรังสรรค์โลกพื้นหลังของเกมให้มีความน่าเชื่อถือเป็น Context สำคัญ (ดังเช่นบทความชิ้นก่อนหน้านั้นที่ผู้เขียนได้ยกอ้างกล่าวถึงไปแล้ว) หากแต่ลำดับเรื่องราวและการเดินทางของตัวละครเอง ก็ต้องสมเหตุสมผลภายใต้ขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนด ไม่นับรวมกับ Content ที่จะต้องให้ความสนุกอย่างเพียงพอ ที่จะทำให้ผู้เล่นนั้นมีส่วนร่วม และเชื่ออย่างสนิทใจว่า ตัวละครที่เขาจะได้ใช้เวลาร่วมกันนั้น เป็นเวลาคุณภาพที่คุ้มค่ามากพอจนกว่าจะถึงปลายทาง อนึ่ง การใช้ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษในชิ้นงานวิดีโอเกม แม้จะเป็นเสาหลักสำคัญที่ผู้สร้างใช้ยึดโยงเอาไว้เป็นแก่นสำคัญ แต่ด้วยธรรมชาติของสื่อชนิดนี้เองนั้น เปิดทางให้กับการดัดแปลงและตีความได้อย่างหลากหลายสำหรับการบอกเล่าเนื้อหาและการใช้ทฤษฎีดังกล่าว เพราะมัน ‘อาจจะ’ ไม่จำเป็นว่าจะต้องจบลงด้วยความผาสุกแบบ Happy Ending เสมอไป การเรียนรู้และเหตุการณ์ของตัวละครอาจจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด การแตกสลาย และการ ‘กลายสภาพ’ ไปสู่ตัวตนใหม่ (ซึ่งก็ตรงกับหลักข้อสุดท้ายของทฤษฎี…) ดังเช่นผลงานเกมเดินหน้ายิงอย่าง Spec Ops: The Line ได้เลือกใช้ (เป็นหนึ่งในผลงานเกมเดินหน้ายิงที่แม้จะไม่โด่งดังมากนัก แต่ก็มีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมที่ผู้เขียนขอแนะนำ…) และในทางหนึ่ง ในอนาคตข้างหน้า มันกำลังจะมีผลงานที่ท้าทายทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษอย่าง Watch Dogs : Legion ที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทตัวละครที่ ‘หลากหลาย’ ทั้งพื้นหลัง ความเป็นมา และคุณสมบัติ มันก็น่าลุ้นอยู่ไม่น้อย ว่าทีมสร้างจะสามารถผูกเรื่องราวและใช้ทฤษฎีดังกล่าวอย่างไร ภายใต้สภาพแวดล้อมเปิด และการมีจุดร่วมอย่างกว้างๆ ไม่เจาะจงตายตัว ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดสำหรับผลงานชิ้นนี้ (ที่เราอาจจะต้องรอนานกว่าที่คิด จากแผนการเลื่อนการวางจำหน่ายเกมของ Ubisoft ที่ถูกผลักออกไปอย่างไม่มีกำหนด…) แต่ในท้ายที่สุดนี้ หากมองในโครงสร้างของทฤษฏีการเดินทางของวีรบุรุษที่ถูกใช้งานมาในตลอดระยะเวลาหลายสิบปีนั้น มันก็สะท้อนถึงความต้องการบางอย่างที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ในความปรารถนาที่จะเป็น ‘ใครสักคน’ ที่มีความสำคัญ ออกเดินทางในการผจญภัยอันไม่ธรรมดา และกลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และสื่อวิดีโอเกม ก็ยิ่งตอกย้ำแนวคิดหลักนี้ให้เด่นชัดมากขึ้นโดยธรรมชาติของการปฏิสัมพันธ์และการตอบสนองของผู้เล่นที่มีต่อชิ้นงาน ที่สามารถควบคุม กระทำ และกำหนดทิศทางได้ด้วยตนเอง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มันอาจจะเป็นวงจรอันน่าเบื่อหน่ายของการใช้ชีวิตตามกำหนดและรูปแบบที่คุ้นเคยและชินชา โดยเฉพาะกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ที่วิกฤติโรคร้าย COVID-19 ทำให้ทุกอย่างถูกแช่แข็งและหยุดนิ่งไปโดยไม่รู้ว่าปลายทางจะไปจบลงที่ใด และเปลี่ยนโฉมหน้าของการเล่นเกมไปในทิศทางที่ไม่เคยมีมาก่อน… และการได้สวมบทบาทเป็นใครสักคน ไม่ว่าจะในรอยเท้าของรพินทร์ ไพรวัลย์กับคณะแห่งเพชรพระอุมา หรือวีรกรรมของ Big Boss (Punished Snake) ในซีรีส์ Metal Gear Solid ก็ตอบรับกับเสียงเรียกที่อยู่ภายในใจของเรา ที่ถูกปลูกฝังผ่านสื่อ เรื่องราว การบอกเล่า มาอย่างยาวนานตลอดช่วงระยะเวลาการเติบโตมาเป็นตัวตนในทุกวันนี้ และ ตัวเอกที่ดี ที่เรามีใจอยากเชียร์ ก็ถูกสะท้อนผ่านแนวคิดของทฤษฎีดังกล่าว ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง เสมอมา... ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
27 Apr 2020
ผู้พากย์เสียง Snake และ Kaz จาก MGS เปิดไลฟ์สดตอบคำถามแฟนๆ เกี่ยวกับ โปรเจคใหม่ใหม่ ของทั้งสอง
หลังจากที่ปล่อยคำหยอดผ่านทวิตเตอร์ให้แฟนๆ ได้มีความหวังกันมาซักพัก ในที่สุดก็จะได้รู้ซะทีว่าคุณ Robin Atkin Downes ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะนักพากย์ตัวละคร Kazuhira Miller หรือ Kaz แห่งซีรี่ย์ Metal Gear Solid พยายามใบ้ถึงอะไรกันแน่ เมื่อคุณ Robin โพสต์ทางทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะทำการไลฟ์สดตอบคำถามแฟนๆ ร่วมกับนักพากย์เสียง Solid Snake คุณ David Hayter เกี่ยวกับโปรเจคใหม่ที่ทั้งสองกำลังร่วมสร้างอยู่ในขณะนี้ Tomorrow Ill be going LIVE with the Boss @DavidBHayter at 2.30 PM (PDT) on @PeriscopeCo! Tune in and ask some questions...??❗ — Robin Atkin Downes (@Robin_A_Downes) October 20, 2018 ในข้อความดังกล่าวประกาศว่าการไลฟ์สตรีมตอบคำถามจะเกิดขึ้นประมาณเวลาเช้าตรู่ 4.30 น. (ตีสี่ครึ่ง) ของวันอังคารที่ 23 ตุลาคมนี้ (พร้อมกับอีโมงูและเบอร์เกอร์) แถมบัญชีทวิตเตอร์ของ Konami ยังได้ทำการแชร์ข้อความดังกล่าวอีกทางด้วย จึงยิ่งน่าเชื่อเข้าไปอีกว่าจะเกี่ยวกับเกม Metal Gear Solid ภาคใหม่หรือเปล่า?! รอติดตามข่าวความคืบหน้าได้ที่เว็บ GameFever นะจ๊ะ! (ขอบคุณข้อมูลจาก GamingBolt)
22 Oct 2018
แฟนเกมสุดขยัน สร้างฉากเปิดเกม Metal Gear Solid ภาคแรกโดยใช้ Unreal Engine 4
คนที่เคยเล่นเกม Metal Gear Solid ภาคแรกในปี 1998 น่าจะพอจำกันได้กับฉากคัตซีนเปิดเกมที่เป็น ที่ได้รับการนับถือว่ายกระดับการเล่าเรื่องภายในวีดีโอเกมขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียว ล่าสุด ศิลปินอิสระคุณ Erasmus Brosdau ได้ทำการสร้างฉากคัตซีนดังกล่าวใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นด้วยการใช้ Unreal Engine 4 ซึ่งผลออกมาเหมือนงานมืออาชีพมากๆ ทั้งๆ ที่คุณ Erasmus ใช้เพียง Asset กราฟิคที่ขายอยู่ใน Unreal Marketplace เท่านั้นในการสร้าง ไปชมผลงานกันได้เลย! (มีวีดีโอตัวดั้งเดิมให้ดูเปรียบเทียบ) https://www.youtube.com/watch?v=sdYFmnQGtbU จากที่เห็นจากวีดีโอด้านบน วีดีโอของคุณ Erasmus สร้างฉากเปิดเกมแบบแทบจะเหมือนกันเป๊ะๆ ซีนต่อซีนเลยทีเดียว จะเพิ่มเข้ามาก็มีเพียงหน้าเมนเมนูของเกมที่เค้าสร้างขึ้นมาใหม่ให้เข้ากับกราฟิคสมัยใหม่ และเสียงประกอบที่ทำการเกลาคุณภาพให้ดีขึ้นเท่านั้น https://www.youtube.com/watch?v=vj6plOoDl_s
07 Sep 2018